ตลาด Laptop ปีนี้ No.1 Brand acer ยังคงขึ้นแท่นเป็นที่หนี่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง โดยผลสำรวจชี้ว่า 32.2% คนไทยถ้านึกถึงคอมพิวเตอร์พกพา จะพูดชื่อแบรนด์จากไต้หวันแบรนด์นี้ เป็นชื่อแรก

ทำไมเอเซอร์จึงเป็นที่หนึ่ง ? แน่นอนว่าถ้าเป็นเรื่องเทคโนโลยี ค่ายไอทีแต่ละเจ้าก็ไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เอเซอร์เหนือกว่าใครชัดเจน แบ่งออกได้เป็น 4 ปัจจัย 1.ดีไซน์การออกแบบ ที่รีดเร้นศักยภาพได้ดีกว่าคู่แข่ง โดยเรื่องการระบายความร้อน เรื่องความเร็วและความเสถียร 2.ช่องทางจำหน่ายที่เหนือกว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 33 ปีในประเทศไทย ความสัมพันธ์ที่ดีกับดีลเลอร์ พูดได้ว่าทั้งเทรดดิชันนัล ทั้งโมเดิร์นเทรด เอเซอร์มีครบทุกทัชพอยต์ ครอบคลุมทุกภูมิภาค 3.เรื่อง Economy scale ทำให้ได้ต้นทุนที่ดี สู่การทำโปรโมชันแคมเปญราคาที่ดึงดูดมากกว่า และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการบริการหลังการขาย ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ ทั้งหมดประกอบกลายเป็นความสำเร็จจนปัจจุบัน

นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด นั่งพูดคุยกับเราอีกครั้ง กับความท้าทายของเอเซอร์ในวันนี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นที่หนึ่ง แต่เป็นการรุกเข้าสู่ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

 

อีสปอร์ต คำตอบของ Laptop ราคาสูง

คงจำกันได้ในช่วงตลาด Laptop บูมที่สุด แล้วมาหยุดในปี 2012 กับการมาของแท็บเล็ต สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ช่วงนั้นดูเหมือนตลาด Laptop ค่อยๆตกลง เน็ตบุ๊กที่ลุ้นกันว่าจะไปได้ดีแค่ไหนตอนนั้นก็เจอสมาร์ทดีไวซ์ตีจนต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไป

อย่างไรก็ตาม ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ไม่อาจทดแทนกันได้ คนที่ต้องการใช้แท็บเล็ตเพื่อทำงานจริงจัง ก็ต้องกลับมาใช้ Laptop เหมือนเดิมท้ายที่สุด หลังจากนั้นประมาณปี 2014 ยอดขายทั้ง Laptop หรือเดสก์ท็อปก็เสถียรที่ประมาณ 2.4 ล้านเครื่องต่อปี

สิ่งที่เราเจออีกจุดที่น่าสนใจ ถึงแม้จำนวนเครื่องที่ขายออกไปจะไม่เพิ่ม แต่มูลค่าตลาดกลับเพิ่ม นั่นหมายความว่าเราขาย Notebook ในราคาแพงได้มากขึ้น ด้วยสองกลุ่มพรีเมียมโปรดักต์ หนึ่งคือ Laptop ประเภทบางเบา สองเกมมิ่ง Notebook โดยเฉพาะอย่างหลังที่เติบโตก้าวกระโดด เหตุผลเพราะกระแสอีสปอร์ตที่กำลังเติบโตในระดับโลก

 

Asia PacificPredator League

รายงานจาก Global Esports Market Report ระบุว่าปี 2016 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้ที่สนใจและชื่นชอบ eSports อยู่ราว 9.5 ล้านคน โดยเป็นคนไทย 1.1 ล้านคนหรือคิดเป็นราว 3.7% จากจำนวนผู้ชมทั่วโลกที่มีมากถึงราว 385 ล้านคน

จากตัวเลขเห็นชัดว่าเทรนด์อีสปอร์ตกำลังเติบโตก้าวกระโดด ที่สำคัญยังมีโอกาสอีกมากที่อีสปอร์ตเติบโตในไทยได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ยักษ์ไอทีต่างทุ่มกำลังรุกหนักเพื่อครองใจเหล่าเกมเมอร์ ที่เป็นเป้าหมายสำคัญขยายตลาด Laptop พรีเมียมชนิดที่ยอมกันไม่ได้

เพื่อที่จะสร้างการรับรู้ แต่ละเจ้าก็ผุดอีเวนท์ขึ้นมา ซึ่งที่โดดเด่นสุด ต้องยกให้เอเซอร์กับทัวร์นาเมนต์ Asia Pacific Predator League ที่ได้ชื่อว่าเป็นแมตช์ที่น่าตื่นตามากที่สุดในระดับเอเชีย แน่นอนเป้าหมายของเบอร์หนึ่ง Notebook คือการโชว์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ ประกาศกร้าวสู่ความเป็นผู้นำทางอีสปอร์ตระดับโลก

เอเซอร์จัดมาแล้วสองปี มีนักกีฬาหลายร้อยทีมจาก 7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมการแข่งขันเกม DOTA2 โดยต้นปีหน้าประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน ใช้ชื่อทัวร์นาเมนต์ว่า Thailand Predator League 2018 รวมมูลค่ารางวัลกว่า 4 แสนเหรียญสหรัฐฯหรือราว 12.5 ล้านบาท

ผลักดันนักกีฬาอีสปอร์ตไทยไกลระดับโลก

Predator League นับเป็นก้าวสำคัญของเอเซอร์ และเป็นข้อพิสูจน์ถึงการแสวงหานวัตกรรมและความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งของเอเซอร์ และที่สำคัญกว่านั้นนิธิพัทธ์ย้ำว่าเป็นโอกาสสำคัญที่วงการอีสปอร์ตบ้านเราจะพัฒนาได้ทัดเทียมระดับโลก

“บ้านเราก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราปิดกั้นเรื่องอีสปอร์ตด้วยความเชื่อเก่าๆว่าเกม=ไร้สาระ ซึ่งวงการอีสปอร์ตในระดับโลก เกม=กีฬา ตอนนี้เขาไปไกลแล้ว มีลีค มีทัวร์นาเมนต์สร้างเม็ดเงินมหาศาล ไม่ต้องอะไรมากดูแค่ประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซียก็มีทีมสโมสรกีฬาอีสปอร์ตที่บริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

ถามว่าตอนนี้ประเทศไทยเราก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น อย่างสมาคม E-Sport แห่งประเทศไทยก็ได้การยอมรับอย่างเป็นทางการแล้ว จุดนี้ก็จะเป็นจุดผลักดันทำให้เกิด Tournament ต่าง ๆ และเอเซอร์ประเทศไทยเราเองมีความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่เหล่าเกมเมอร์ทุกคนอย่างเต็มที่ที่สุด ซึ่งการจัดการแข่งขันจะช่วยพัฒนานักกีฬา รวมทั้งในวงการอีสปอร์ตให้เห็นว่านักกีฬาสามารถเติบโตและยึดเป็นอาชีพได้เหมือนทั่วโลกที่เขาพัฒนาไปไกลแล้ว”

 

acer รุก IoT สร้างโซลูชันตอบโจทย์สมาร์ทซิตี้

ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ทำให้หลายภาคส่วนมีความสนใจและให้ความสำคัญในการใช้เทคโนโลยี IoT มากขึ้น นิธิพัทธ์มองว่าเอเซอร์ประเทศไทยเองก็กำลังมองโอกาสขยายธุรกิจในส่วน IoT สอดคล้องบริษัทแม่ที่ไต้หวันก็พัฒนาโซลูชันให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน

ผมมองว่าถ้าเป็น IoT โอกาสที่เราจะรุกน่าจะเป็นในส่วน B2B ซึ่งเรามีโซลูชันที่บริษัทแม่อยู่แล้ว ยกตัวอย่างที่ไต้หวันกว่า 70% ของอาคารที่จอดรถใช้โซลูชัน Smart Parking ของเอเซอร์ สำหรับประเทศไทยเราก็กำลังดูว่าจะพัฒนาโซลูชันอะไรบ้างที่เหมาะสม น่าจะได้เห็นมากขึ้นปีหน้า

แม้จะวางเป้าสัดส่วนธุรกิจ IoT ประมาณ 10% โดยสินค้าไอทีคอมพิวเตอร์ยังเป็นธุรกิจหลัก 90% แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า IoT คือโอกาสที่เติบโตได้สูงก้าวกระโดดเช่นกัน

วันนี้เราคงไม่ได้พูดแค่ว่าเราจะรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่ง แต่เราจะมองต่อไป มุ่งเน้นเทคโนโลยี เพื่อให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น ให้คนมีความสุขมากขึ้น วันนี้โลกเรากำลังพูดเรื่อง IOT เอเซอร์ก็พร้อมเติมเต็มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของคนไทย เพื่อร่วมเปลี่ยนสังคมไทยสู่สังคมดิจิทัล นี่คือสิ่งสำคัญของ No.1 Brand” เขาย้ำในตอนท้าย

 

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online