เกมการแข่งขันของอีมาร์เก็ตเพลส ระอุด้วยการเผาเงิน อัดแคมเปญโปรโมชั่นกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน จากอีมาร์เก็ตเพลสอันดับหนึ่งอย่างลาซาด้า และผู้มาที่หลังอย่างช้อปปี้ ซึ่งทั้ง 2 อีมาร์เก็ตเพลสนี้ ต่างมีพลังเงินที่จะเป็นสายป่านที่ยาวมากพอ ให้เผาเงินแข่งขันอย่างสมศักดิ์ศรี แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน และเงินต่อเงิน ซึ่งการขับเคี้ยวกันอย่างดุเดือดของอีมาร์เก็ตเพลสทั้ง 2 รายนี้ ทำให้อีมาร์เก็ตเพลสรายอื่น ที่อ่อนแอด้วยกำลังเงินและสายป่านที่สั้นก็ต้องแพ้ไป เพราะธุรกิจนี้ แข่งขันดุ ที่จะต้องขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อกำไรในอนาคต ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไร 11street ก็เช่นกัน
เพราะหลังจากที่เอสเค แพลเน็ต อีคอมเมิร์ซจากประเทศเกาหลี เข้ามาเปิดตลาด 11streetในไทย พร้อมแคมเปญเปิดตัวในประเทศไทยที่สุดแสนกระหึ่มด้วย ภาพของซงจุงกิ สามีแห่งชาติจากเกาหลี และ มิว-นิษฐา ในปลายปี 2559 ด้วยงบการตลาดแคมเปญเปิดตัวแคมเปญเดียว 300 ล้านบาท
หลังแคมเปญเปิดตัวจบไป 11street ก็ดูจะลง จนหลายคนแอบสงสัยว่า 11streetจะไปต่อหรือไม่
จนเมื่อกันยายน 2560 เอสเค แพลเน็ต ได้ถอนตัว 11 สตรีท จากประเทศอินโดนีเซีย เพราะไปต่อไม่ไหว ในเวลานั้น จินวู คิม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจต่างประเทศของเอสเค แพลเน็ต ยังสร้างมั่นใจให้กับคนไทยว่า 11streetจะอยู่กันยาวๆ ในไทย
แต่วันนี้เอสเค แพลเน็ต คงพา 11streetเดินต่อไปไม่ไหว ถึงกับต้องส่งไม้ต่อให้กับผู้ถือหุ้นรายใหม่ 3 ราย ได้แก่
- เฉลิมชัย มหากิจศิริ
- กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี
- อุษณา มหากิจศิริ
ซึ่ง 3 รายชื่อนี้เป็นรายชื่อที่แจ้งไว้กับกระทรางพาณิชย์
ในวันนี้ อาจจะมีความสงสัยว่า เฉลิมชัย มหากิจศิริ ซื้อ 11streetไปทำไม ซึ่งคำตอบคงต้องจับตาดูต่อไป
แต่ที่แน่ๆ ผลประกอบการ 11street ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขาดทุนอย่างน่าตกใจ

โดยในปี 2559 รายได้ 1,461,638 บาท ขาดทุน 184,982,612 บาท
ปี 2560 รายได้ 65,461,779 บาท ขาดทุน 943,349,125 บาท เรียกว่าขาดทุนหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
