อายุ 22 สำหรับสังคมไทย คือวัยรุ่นตอนปลายที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นผู้ใหญ่ตอนต้น แต่ตัวเลขที่เป็นค่านิยมดังกล่าวอาจใช้ไม่ได้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เราเพิ่งได้ไปเจอมา เพราะเธอได้ก้าวผ่านจุดเปลี่ยนของช่วงวัยที่ว่ามาไกลกว่า เมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกัน หรือแม้แต่กับคนที่อายุมากกว่าอีกหลายๆ คน เฌอปราง BNK 48 คือเด็กผู้หญิงที่เรากำลังพูดถึง

ซึ่งความเป็นผู้ใหญ่ที่ว่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่การเป็นกัปตันวง BNK 48 เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของการเรียน ที่ทุ่มเทให้กับด้านวิทยาศาสตร์จนทำให้งานวิจัยการทดลองขวดสีน้ำเงินที่มีเธอเป็นส่วนหนึ่งในนั้นได้รับการตีพิมพ์ลงวารสาร Royal Society Open Science ของประเทศอังกฤษ 

หรือล่าสุดกับหน้าที่นักแสดงในฐานะนางเอกของหนังเรื่อง Homestay ที่ทุ่มเทจนทำให้เฌอบอกกับเราว่า “การแสดงที่ต้องเข้าไปอยู่ในอารมณ์อยากตาย 4-5 ครั้ง มันทำให้เฌอรู้สึกดาวน์ จนเกือบดึงให้ตัวเองกลับมาเป็นแบบปกติไม่ขึ้น”

ถึงงานที่มีจะเยอะและทำเงินขนาดไหน แต่ยังไงการเรียนก็ยังสำคัญที่สุด

เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ใหญ่มากมาย ไปออก event แทบทุกวัน แต่ชื่อเสียงและเงินทองที่มีกลับไม่ได้ทำให้เด็กผู้หญิงอายุ 22 คนนี้ทิ้งการเรียนไป ทั้งยังเป็นสิ่งที่เฌอให้ความสำคัญมากที่สุด ถึงขั้นนิยามตัวเองให้เราฟังว่า 

เฌอว่าเฌอเป็นเด็กเนิร์ดคนหนึ่งเลยแหละ (ฮ่าๆ) เฌอชอบเรียนรู้มากๆ เลยนะ อยากรู้ว่าทำไมสิ่งนี้มันจะต้องเป็นแบบนี้ แล้วมันจะเป็นแบบอื่นได้ไหมหรืออะไรอีกบ้าง

อย่างก่อนที่จะมานั่งคุยกับพี่ตรงนี้ เฌอก็เพิ่งไปมหาวิทยาลัยมา หลังเลิกคลาสก็คุยกับอาจารย์ต่อเพราะเรามีคำถามในหัวต่อยอดจากเนื้อหาที่อาจารย์สอนเยอะมาก จนอาจารย์ต้องบอกว่าพอเถอะเฌอวันนี้เหนื่อยมากแล้ว

ซึ่งเฌอก็คิดนะว่าถ้าวันข้างหน้าเราไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่ได้เป็น BNK 48 อนาคตก็อยากจะไปเรียนปริญญาโทต่อที่ต่างประเทศ 

เพราะเฌอชอบเรียนรู้ และการไปอยู่ต่างประเทศมันก็เหมือนเป็นการทดลองนอกห้อง lab อย่างหนึ่ง ว่าถ้าหากเราได้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เป็นทะเลทรายหรือเมืองหนาวตลอดทั้งปี ผลการทดลองที่ได้มันจะออกมาเป็นยังไง”

จัดลำดับความสำคัญ คือสิ่งที่ทำให้ทำหลายอย่างในช่วงเวลาเดียวกันได้

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการทำหน้าที่กัปตันวง นางเอกค่ายหนังใหญ่ และการเป็นนักศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษในช่วงเวลาเดียวกัน

เมื่อถามว่าแล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอทำได้ แถมยังทำได้ดีจนเกินความคาดหวังของตัวเองและคนรอบข้างไปอีกมาก สิ่งที่เฌอตอบกับเราก็คือ

“ชีวิตในช่วงของการถ่ายทำหนังเป็นอะไรที่หนักพอควรเลยแหละ มีเวลานอน 5 ชั่วโมงต่อวัน ตื่นมาไปเรียน เรียนเสร็จไป event ไปซ้อม แล้วก็มาต่อด้วยการเวิร์กช้อปและถ่ายทำ 

แต่บางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นตามนั้นเป๊ะๆ แบบนี้เสมอไป เฌอเลยจัดการชีวิตตัวเองด้วยการจัดลำดับความสำคัญในสิ่งที่ต้องทำ 

ซึ่งจริงๆ ทุกอย่างมันสำคัญหมด เป็นสิ่งที่เราต้องทำหมดแหละ แต่เฌอว่าลึกๆ แล้วมันมีลำดับของมัน ถ้าเราบริหารเวลาดีๆ เฌอว่ามันก็มีล็อกของมันที่ลงตัวอยู่เหมือนกันนะ”

ชอบดูหนัง แต่ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะมีหน้าตัวเองอยู่บนจอใหญ่ๆ นั่น

การแสดงเป็นเหมือนการทดลองทฤษฎีใหม่ในโลกของเฌอปราง เพราะแม้จะเป็นคนชอบดูหนังแต่กลับไม่เคยวาดฝันว่าวันหนึ่งจะมีหน้าของตัวเองอยู่บนจอใหญ่ๆ นั่น 

“โหพี่ มันเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดเลยจริงๆ อะ วันที่พี่โอ๋ผู้กำกับเลือกเรา ยังนั่งถามตัวเองอยู่ซ้ำๆ เลยว่าเฌอเหรอ ใช่เฌอจริงเหรอ 

ซึ่งพอได้เข้ามาในโลกของการแสดง มันทำให้เฌอได้ทลายกำแพงอารมณ์ตัวเองไปเยอะมาก เฌอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยากฆ่าตัวตายได้มาก จนขนาดเกือบเอาตัวเองออกมาจากความรู้สึกนั้นไม่ได้

หรืออย่างตอนที่อยู่ในช่วงการเวิร์กช้อป เขาให้โจทย์มาว่าต้องกรีดร้องให้เหมือนกับเด็กที่อยากได้ของเล่นแต่ไม่ได้ ตอนนั้นจำได้ว่าเฌอแบลงก์ไปสักพักเลยนะ ไม่รู้เลยว่าคนที่ทำแบบนั้นได้ข้างในลึกๆ เขาต้องคิดอะไร เพราะถ้าเฌออยากได้ก็จะเอามันมาด้วยวิธีอื่นไม่ใช่ลงไปดิ้นที่พื้นอย่างแน่นอน

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการเวิร์กช้อปหรือการเรียนการแสดงต่างๆ มันไม่ได้มีแค่ความเป็นพายในหนังเรื่อง Homestay เท่านั้น แต่มันคือสิ่งที่สอนเฌอให้รู้ว่า เฌอจะไม่มีวันทำให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในความรู้สึกที่ไม่โอเคแบบนั้น เพราะมันเป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ ”

นามสกุล BNK 48 ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ เฌอปราง ได้เป็นนางเอกเรื่อง Homestay 

หากจำกันได้ในช่วงแรกที่ GDH บอกว่านางเอกหนังเรื่องใหม่ของค่ายคือเฌอปราง ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันว่านี่จะเป็นหนังที่คนดูส่วนใหญ่คือกลุ่มโอตะหรือเปล่า 

หรือ GDH เอาเฌอปรางมาปลุกกระแสหนังให้กับตัวเองหรือไม่

แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น เพราะการที่เฌอปรางได้เข้ามารับหน้าที่เป็นพาย นั่นเพราะคาแรคเตอร์ของเฌอที่ตรงกับตัวละคร ไม่ใช่นามสกุล BNK 48 ที่พ่วงท้าย และเป็นการแคสก่อนที่กระแส Fortune Cookie จะดังซะอีก

“โดยภาพรวมหนังมันมีอะไรที่มากกว่าเฌอ มันมีผู้กำกับ มีนักแสดง มีทีมงาน มีเยอะแยะมากมายซึ่งเฌอเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในนั้น และมีอีกหลายคนที่เขาทำงานหนักและละเอียดกว่าเฌอเยอะมากๆๆๆๆๆ 

แค่เฌอคนเดียวไม่สามารถทำให้คนมาดูหนังได้มากขนาดนั้น เพียงแต่การที่เฌอได้รับเลือกมา อาจเพราะเฌอมีอะไรบางอย่างเหมือนกับพาย

ที่แน่ๆ เลยคือเรื่องของการทำเต็มที่ เพราะทั้งเฌอและพายรู้ดีว่าพื้นฐานไม่ได้เป็นคนเก่ง พายเลยต้องทำโจทย์เยอะมากเพื่อที่จะไปโอลิมปิกให้ได้ ส่วนเฌอต้องซ้อมหนักมากเพราะรู้ว่าไม่ได้ร้องเก่งไม่ได้เต้นดีขนาดนั้น

แต่แน่นอนว่าถ้ามีโอกาสมา ไม่ว่าจะเป็นเฌอหรือพายก็จะรีบคว้าไว้ แล้วทำให้เต็มที่ๆ สุด มีเท่าไหร่ใส่หมดเลยจริงๆ”

ก่อนจะจบบทสนทนา มีอยู่ประโยคหนึ่งจากปากของเฌอปรางที่สะท้อนให้เราเห็นว่าชื่อเสียงที่โด่งดังไม่ได้ทำให้ตัวเธอเองรู้สึกยิ่งใหญ่แต่อย่างใด 

นั่นคือการบอกเล่าอีกหนึ่งความฝันของเธอที่อยู่ลึกๆ ข้างในใจให้เราฟัง ว่าเธออยากเป็นนักบินอวกาศ ที่อยากจะเห็นโลกด้วยตาของตัวเองจริงๆ ว่าหากเทียบกันแล้ว ตัวของเธอจะเล็กจิ๋วมากขนาดไหน 

แต่ในความเป็นจริงเฌอปรางรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ดังนั้นแล้วความฝันที่น่าจะทำได้จริงในอนาคตคือการทำให้ตัวเองมีความมั่นคงและแข็งแรงจนสามารถช่วยเหลือและให้โอกาสกับคนอื่นได้บ้าง 

เพราะโอกาสต่างๆ ที่เฌอปรางเคยได้รับมา คือสิ่งที่หล่อหลอมให้เด็กอายุ 22 มีมุมมองและทัศนคติที่เติบโตสวนทางกับอายุจริงของตัวเอง

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer