ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในปี 2560 มีอัตราการเติบโตจากปี 2559 ในระดับ 2-3% โดยในปี 2561 คาดการณ์ว่าจะสามารถโตเพิ่มเติมได้อีก 2-3% เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้มูลค่าตลาดก้าวสู่หลัก 20,000 ล้านบาท

และสัดส่วนใหญ่ที่สุดของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กก็คือ พัดลม ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยเครื่องเตรียมอาหารถูกจัดอยู่ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และมีมูลค่าถึง 1,503 ล้านบาท

ขณะเดียวกันตลาดเครื่องเตรียมอาหารในช่วง ครึ่งปีแรกของปี 2561 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ 19.4% ซึ่งเครื่องปั่นเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในตลาดนี้ โดยครึ่งปีมีอัตราการเติบโตที่ 16% และถ้าเป็นไปตามคาดการณ์ตลาดเครื่องปั่นในปี 2561 นี้จะโตไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดเครื่องเตรียมอาหารโตตามไปด้วยเนื่องจาก “เครื่องปั่น” เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาดนี้

ตลาดเครื่องปั่น ยังโตได้อีก

สิริวรรณ นิจกิจจาทร ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจ Personal Health บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ข้อมูลว่า

ถึงแม้อัตราการเติบโตในช่วงครึ่งปีตลาดเครื่องปั่นจะโตได้ถึง 16% แต่ด้วยความไม่แน่นอนอย่างช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเงียบเหงา จนทุกๆ ปีจะกลับมาเติบโตได้อีกในช่วงไตรมาสที่ 4 และถ้านำมาเฉลี่ยทั้งปีทำให้ต้องคาดการณ์การเติบโตไว้ในระดับที่ไม่น่าจะต่ำกว่า 10%

ด้านตลาดเครื่องปั่นในปี 2560 มีมูลค่า 1,328 ล้านบาท เติบโต 7% จากปี 2559 สัดส่วนใหญ่สุดคือในระดับราคา 1,000-1,500 บาท มีสัดส่วน 45% แต่ในระดับราคา 3,500 บาทขึ้นไป หรือในระดับพรีเมียมและซูเปอร์พรีเมียม มีสัดส่วน 8.5%  มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด โดยในปี 2560 เติบโตในระดับสูงกว่า 30% และในครึ่งปีที่ผ่านมาเติบโตไปแล้วกว่า 34%

เห็นได้ว่าเครื่องปั่นในระดับราคา 3,500 บาทขึ้นไปเติบโตสูงที่สุดในตลาดเครื่องปั่น เนื่องจากการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคที่ต้องการกำลังวัตต์ที่มากขึ้นเพื่อความละเอียดของผักหรือผลไม้ที่ปั่น ยิ่งถ้าเครื่องมีความเร็วสูงเท่าไรความละเอียดก็จะเยอะขึ้นคุณค่าสารอาหารที่ได้ก็สูงขึ้นตาม

ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ยอมจ่ายเงินซื้อเครื่องปั่นที่แพงขึ้นเพื่อต้องการคุณค่าทางสารอาหารที่ดีขึ้น อายุการใช้งานที่มากขึ้น และคุณภาพที่ดีขึ้น รวมทั้งการให้บริการหลังการขาย ตามลำดับ นอกจากนี้สิ่งที่ส่งผลให้เครื่องปั่นระดับพรีเมียมเติบโตก็มาจากการที่คนไทยดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น

เครื่องปั่นพรีเมียมมาตอบโจทย์คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพ

ซึ่งสินค้าอย่างเครื่องปั่นต้องสามารถตอบโจทย์ในจุดนี้ได้ด้วย โดยในระดับราคา 3,500 บาทขึ้นไป จนถึงระดับ 7-8 พันบาท อาจตอบโจทย์ในระดับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ โดยยังไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ แต่ในระดับราคาซูเปอร์พรีเมียมที่มากกว่า 8 พันบาทจนถึงหลักหมื่นบาท เป็นสินค้าที่มาตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ที่เกิดปัญหาด้านสุขภาพแล้วจำเป็นต้องได้รับสารอาหารจากผักและผลไม้ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ทันที ซึ่งเป็นสินค้าที่เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ

สำหรับด้านการแข่งขันในตลาดในระดับราคาต่ำกว่า 3,500 บาท จะเน้นการทำราคาเป็นหลัก รองมาคือเรื่องแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันในตลาด แต่ในระดับราคา 3,500 บาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่นบาทจะไม่ค่อยแข่งกันเรื่องราคา แต่เน้นแข่งขันในเรื่องคุณภาพและบริการหลังการขายเป็นหลัก โดยเฉพาะกำลังวัตต์ของเครื่องปั่นยิ่งถ้ากำลังวัตต์เยอะแรงปั่นมากขึ้นก็จะใช้เวลาในการปั่นน้อยลงคุณค่าทางอาหารก็จะถูกรักษาได้มากขึ้นอีกด้วย

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer