ครั้งหนึ่ง Marketeer เคยเขียนถึงความท้าทายของ After You ว่าถึงจะเป็นร้านคาเฟ่ ขนมหวาน ที่มีรายได้และกำไรเติบโตในทุกๆ ปี
แต่ก็มีโจทย์ให้คิดว่าจะทำอย่างไรให้รายได้และกำไรในการทำธุรกิจนั้นเติบโตต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ภายใต้ข้อจำกัดของตัวเอง
ข้อจำกัดที่ว่าก็คือตำแหน่งทางการตลาดของตัวเองที่เป็นคาเฟ่ร้านขนมหวานระดับ Premium ราคาขายอยู่ที่ 100-300 บาท/เมนู ที่เวลานี้แม้จะยึดครองพื้นที่ศูนย์การค้าระดับ A + ในกรุงเทพฯ ได้เกือบครบ (ล่าสุดเปิดสาขาใน ICONSIAM)
และดูเหมือนในปี 2018 ที่ผ่านมา After you จะตอบข้อสงสัยนี้ได้ชัดเจน
โดยเฉพาะประเด็นการขยายสาขาในต่างจังหวัดที่ After You กำลังถูกจับตามองไม่น้อยเพราะในปี 2017 แม้จะมีถึง 26 สาขา แต่มีเพียง THE MALL โคราช สาขาเดียวเท่านั้นที่อยู่ในต่างจังหวัด

ทำให้แผนขยายสาขาในปี 2018 ที่ผ่านมา โจทย์ของ After you คือการขยายอาณาจักรตัวเองที่ไม่ได้จำกัดแค่ในพื้นที่กรุงเทพฯ
โดยส่วนใหญ่จะอาศัยจังหวะไปตามศูนย์การค้าใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2018 ที่ผ่านมา ทั้งศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา, เซ็นทรัล ภูเก็ต, จะมีแค่เซ็นทรัล อุดรธานี ที่ไม่ใช่ห้างเปิดใหม่
รวมเบ็ดเสร็จ ณ เวลานี้ After You มี 31 สาขาทั่วประเทศ
และหากสังเกตสาขาใหม่ๆ ของ After You ในต่างจังหวัดนั้น จะเน้นพื้นที่ศูนย์การค้าที่โลเคชั่นเกรด A มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก
ทำให้แต่ละสาขาใหม่ๆ ในต่างจังหวัดประสบความสำเร็จในเรื่องยอดขาย เพียงแต่โจทย์ที่ตามมาก็คือในปีนี้ 2019 ในโลเคชั่นต่างจังหวัดนั้น After You จะไปที่ไหนต่อดี
เพราะในปีที่แล้วก็เลือกปักหมุดแต่พื้นที่ศูนย์การค้าระดับ Prime Area ในต่างจังหวัดที่การันตีทั้งจำนวนลูกค้าที่เข้าไปในศูนย์การค้า แถมยังเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง กล้าที่จะจ่ายกับเมนูขนมหวานราคาแพง
สิ่งที่จะ “วัดใจ” หากอยากจะเติบโตในพื้นที่ต่างจังหวัดมากกว่านี้ก็คือพื้นที่ Hypermarket อย่าง เทสโก้, โลตัส & บิ๊กซี หรือจะเป็นโรบินสันที่มีสาขาในต่างจังหวัดมากเช่นกัน โดยกลุ่มเชนร้านอาหารที่เติบโตมีสาขากัน 100-600 สาขา ต่างก็ยึดสมรภูมินี้กันทุกราย

เพียงแต่สิ่งที่ต้องชั่งน้ำหนักก็คือร้านอาหาร 1 มื้อในพื้นที่ Hyper Market ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 200-300 บาท กับขนมหวานของ After You ที่ขายเมนูละ 100-300 บาท/1 เมนู
จะมีลูกค้ากี่คนในพื้นที่เทสโก้ โลตัส & บิ๊กซี รวมถึงในโรบินสัน ที่พร้อมจะจ่าย?
เป็นคำถามที่ยังไม่มีใครตอบได้?
ในขณะที่วิธีการขยายสาขาในเมืองไทย After You เองก็คงยังต้องหาช่องว่างในตลาดต่อไป แต่สำหรับตลาดต่างประเทศนั้นดูเหมือน After You จะหาคำตอบให้ตัวเองเจอแล้ว
เมื่อได้จัดตั้งบริษัท After You Hong Kong Limited ด้วยทุนจดทะเบียน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปี 2018 ที่ผ่านมา
โดยบริษัทนี้จะทำหน้าที่หลักสำคัญก็คือดำเนินงานทำสัญญารองรับธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศ
สอดคล้องกับที่ทีมผู้บริหาร After You เคยให้สัมภาษณ์ในงาน Thaifex 2018 ว่าบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากมีข้อเสนอในการซื้อแฟรนไชส์ไม่ต่ำกว่า 100 ราย
และเมื่อมีการจัดตั้งบริษัทเพื่อทำธุรกิจแฟรนไชส์โดยเฉพาะ ปีนี้ก็น่าจะเห็นการขายแฟรนไชส์ต่างประเทศของ After You แต่จะจำนวนกี่รายกี่ประเทศนั้น คงต้องติดตามกันต่อไป
โดยหาก After You เปิดขายแฟรนไชส์จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 3 ส่วน
1. ค่าแรกเข้าแฟรนไชส์ 2. ส่วนแบ่งจากยอดขาย ซึ่งเป็นรายได้เข้ามาต่อเนื่อง 3. รายได้จากการขายวัตถุดิบให้แก่แฟรนไชส์
ทีนี้…ก็ขึ้นอยู่ว่าเมื่อ After You ใช้วิธีขยายสาขาไปต่างประเทศด้วยระบบแฟรนไชส์นั้นจะสามารถควบคุมคุณภาพและรสชาติขนมหวานของตัวเองให้เหมือนกับสาขาในประเทศไทยได้หรือไม่
เพราะอย่าลืมว่าที่ผ่านมาก็มีแฟรนไชส์ร้านอาหารจำนวนมาก ที่เมื่อเลือกจะขยายธุรกิจของตัวเองด้วยระบบแฟรนไชส์ แต่เมื่อไม่สามารถควบคุมมาตรฐานเดิมของตัวเองไว้ได้ ก็ต้องยุติโมเดลนี้ลงในทันที เพื่อไม่ให้ Image Brand เสียหายไปมากกว่านี้
ในขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ส่วนของสาขานั้น After You เองก็สามารถสร้างยอดขายเติบโตได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะธุรกิจรับจ้างผลิตหรือ OEM และรับจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่จากเดิมปี 2017 มีรายได้ 19 ล้านบาท มาในปี 2018 มีรายได้ 32 ล้านบาท

แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหาก After You ขาด P ที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ
P นั้นมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า Product
–
