ชิเซโด้ ยอดขายเท่าไร ? วิเคราะห์ความสำเร็จแบรนด์ ชิเซโด้ ทำไมสินค้าถึงถูกจริตผู้บริโภคชาวไทย
ไทยเป็นตลาดที่สำคัญของ ชิเซโด้ ฌอง ฟิลลิปป์ ชาลิเย่ ประธานกรรมการผู้บริหารภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลุ่มบริษัทชิเซโด้ ได้บอกกับเราในวันที่ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) เปิดตัว ปาริชาติ วีระเสถียร กรรมการผู้จัดการ ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) คนใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมฉลองเปิดบ้านใหม่ ที่อาคารทีวัน ทองหล่อ
และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ ฌอง ฟิลลิปป์ ชาลิเย่ คิดเช่นนั้น
1. ตลาดความงามไทยเติบโตกว่า GDP
จากข้อมูลของยูโรมอนิเตอร์พบว่า ในตลาดความงามในประเทศไทยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 7%
โดยปี 2561 ตลาดความงามในประเทศไทยมีมูลค่า 1.92 แสนล้านบาท เติบโต 7.3%
ซึ่งการเติบโตของตลาดความงามประเทศไทยเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดความงามโลกที่มีการเติบโต 5.5% มูลค่า 2 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 7.2 แสนล้านบาท
และการเติบโตของตลาดความงามในประเทศไทยยังเป็นการเติบโตที่มากกว่า GDP ของประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก
หนึ่ง-คนไทยเปิดกว้างในการเข้าถึงข้อมูลความงามจากทั่วมุมโลกมากขึ้น และมาพร้อมกับการเติบโตของบล็อกเกอร์ที่นำเสนอสินค้าความงาม และเทคนิคการแต่งหน้า บำรุงผิว ที่มีความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยในแต่ละวัน
สอง-การเติบโตของโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้คนไทยต้องพร้อมโชว์ตัวตนในโลกของโซเชียลมีเดียได้ตลอดเวลา และหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองทางด้านความงามยิ่งขึ้นเพื่อให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอแม้จะไม่ได้เจอใครก็ตาม
2. ประเทศไทยคือ Role Model สานต่อธุรกิจสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
การเติบโตของตลาดความงามในประเทศและพฤติกรรมด้านความงามของคนไทยได้กลายเป็นตลาดที่สำคัญของชิเซโด้ทั้งในแง่ของรายได้และการเป็นผู้นำเทรนด์ที่สำคัญให้กับชิเซโด้ในการขยายฐานรายได้ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้บริหารชิเซโด้ได้บอกกับเราว่าการเข้าถึงโซเชียลมีเดียและอินเทอร์เน็ต ทำให้คนไทยมีการเรียนรู้ในการปรับเปลี่ยนตัวเองและค้นหาตัวตนของตัวเองอยู่ตลอดเวลา และเป็นการเรียนรู้ที่นำเทรนด์ผู้บริโภคประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมตามที่กล่าวมา ทำให้บริษัทต่างๆ รวมถึงชิเซโด้มองประเทศไทยเป็นกรณีศึกษาที่ดี ในการสร้าง Role Model ที่จะนำเสนอสินค้า บริการไปยังประเทศอื่นๆ
3. ชิเซโด้ไทยเติบโตอย่างน่าสนใจ
เมื่อมามองในมุมรายได้ที่ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) ได้แจ้งกับกระทรวงพาณิชย์พบว่า ชิเซโด้มีรายได้ที่เติบโตต่อเนื่องทุกปี และในปี 2560 มีการเติบโตมากถึง 14.4%
รายได้ชิเซโด้ (ไทยแลนด์)
2558 1,988,393,947.00 กำไร 110,724,965.00
2559 2,089,331,953.00 กำไร 111,849,519.00
2560 2,389,709,788.00 กำไร 233,126,140.00
ที่มา: กระทรวงพาณิชย์ จากบริษัทชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด
โดยปี 2561 แม้ชิเซโด้ยังไม่ได้ส่งข้อมูลรายได้ให้กับกระทรวงพาณิชย์ แต่ปาริชาติ วีระเสถียร กรรมการผู้จัดการ ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) ได้ให้ข้อมูลกับเราว่า ชิเซโด้ได้เติบโต 14.8% ซึ่งเป็นการเติบโตที่มาจากสินค้าในกลุ่ม Prestige Business 10.1% และกลุ่ม Cosmetics and Consumer Care Business 16% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงสุดตลอดหลายปีที่ผ่านมา
และในปีนี้กรรมการผู้จัดการชิเซโด้ (ไทยแลนด์)ได้ตั้งเป้าหมายว่า ชิเซโด้จะต้องเติบโต 12% เพื่อรักษาการเติบโต 2 ดิจิ ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน

การที่ปาริชาติมั่นใจว่าจะสามารถพาชิเซโด้เติบโตได้ 12% ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจความงามมาจาก
1. แข่งขันด้วยสินค้าหลากแบรนด์
แม้บริษัทชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จะมีรายได้เป็นอันดับ 3 ในตลาดรวม แต่ปาริชาติเชื่อว่า จากกลยุทธ์ขายธุรกิจผ่านพอร์ตโฟลิโอ ผ่านสินค้าหลากแบรนด์ เพื่อเจาะทุกกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้ชิเซโด้สามารถเติบโตตามเป้าหมายได้
โดยในปัจจุบันนอกจากแบรนด์ชิเซโด้, แอนเนสซ่า และเซนกะ ซึ่งถือเป็นแบรนด์ลูกของ ชิเซโด้ แล้ว บริษัทชิเซโด้ (ไทยแลนด์) ยังเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแบรนด์ความงามอื่นๆ อีกด้วย
ซึ่งชิเซโด้ได้แบ่งกลุ่มแบรนด์สินค้าที่จัดจำหน่ายออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่กลุ่ม Prestige Business และกลุ่ม Cosmetics and Personal Care Business (C&PC Business)
โดยกลุ่ม Prestige Business ประกอบด้วยแบรนด์
Shiseido
Laura Mercier
Nars
Cle De Peau Beaute
Ipsa
Dolce&Gabbana
Issey Miyake
Elie Saab
Narciso Rodriguez
และ Zadig & Voltaire
และกลุ่ม Cosmetics and Personal Care Business (C&PC Business) ประกอบด้วยแบรนด์
Anessa
Senka
Za
d Program
Majolica Majorca
และ Tsubaki
2. นำ Innovation ตอบโจทย์ความงาม
ปาริชาติได้บอกกับเราว่าวิชั่นส์ของชิเซโด้คือ THE BEST INNOVATIVE BEAUTY COMPANY ด้วยการนำอินโนเวชั่น มาช่วยยกระดับการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลให้ดียิ่งขึ้น และมีความสุขในการใช้ชีวิตผ่านนวัตกรรมของชิเซโด้ และแบรนด์สินค้าในเครือ
ซึ่งวิชั่นส์นี้ถือเป็นวิชั่นส์ระยะยาวที่ชิเซโด้ได้ใช้มาประมาณ 1 ปี เพื่อแสดงถึงจุดยืนของชิเซโด้ทั่วโลก
การที่ชิเซโด้ได้วางตัวเองเป็นบริษัทแห่งอินโนเวชั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดนัก เพราะที่ผ่านมาลอรีอัลก็ได้วางตัวเองเป็นบิวตี้เทค ที่นำเสนอนวัตกรรมความงามถึงมือผู้บริโภค
แต่ความแตกต่างของคำว่าอินโนเวชั่นที่ปาริชาติได้บอกกับเรานั้นคือการเลือกแบรนด์สินค้าที่มีอินโนเวชั่นเข้ามาอยู่ในพอร์ตโฟลิโอ ที่มาพร้อมกับการรับฟัง เข้าใจและใส่ใจผู้บริโภคในแต่ละประเทศเพื่อพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ความงามในทุกมิติ
นอกจากนี้ ชิเซโด้ได้มีการพัฒนาบิวตี้เทคเข้ามาแข่งขันในตลาดด้วยเช่นกัน
โดยในเรื่องบิวตี้เทค ชิเซโด้ให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น Meitu ซึ่งเป็นแอปที่ให้ลูกค้าสามารถทดลองสินค้า และแต่งหน้าเสมือนจริงผ่านสินค้าในเครือชิเซโด้เพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้า และเมื่อสนใจในสินค้าก็สามารถสั่งซื้อผ่านแอปนี้ได้ทันที
ซึ่งแอป Meitu ชิเซโด้ ได้นำมาใช้ครั้งแรกในประเทศจีน และได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวจีน
ส่วนในประเทศไทย ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) เพิ่งเริ่มนำแอปนี้มาให้บริการเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
3. Micro Influencer คือพลังสำคัญ
ในปีนี้ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) ให้ความสำคัญกับ Micro Influencer ที่มีผู้ตามประมาณ 1 แสนคน จากการมองเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคไทย ที่เชื่อมั่นในสิ่งที่ Micro Influencer รีวิว แนะนำมากกว่า Macro Influencer ที่เป็นดารา และบุคคลมีชื่อเสียงที่อาจจะไม่ได้ลองสินค้าจริง แต่จะแนะนำสินค้าตามสคริปต์ที่เขียนมา
แต่ก็ยังคงใช้ Macro Influencer อยู่ เพื่อกระจายข่าวสารในวงกว้าง
นอกจากนี้ ในปีนี้ชิเซโด้ ประเทศไทย มีแนวทางในการเปิดแฟลกชิปสโตร์ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้ามาศึกษาข้อมูลสินค้าเชิงลึก
พร้อมกับสร้างแบรนด์ดอทคอมในส่วนของแบรนด์ชิเซโด้ ลอร่า และนาร์ ที่จะเปิดในปลายปีนี้ เพื่อมาเติมเต็มช่องทางออนไลน์ที่ในปัจจุบันได้ทำตลาดผ่านช่องทาง e-Marketplace และ e-Retail อย่างเช่น ลาซาด้า เซ็นทรัลออนไลน์ และวัตสัน
Marketeer FYI
ชิเซโด้อยู่คู่สังคมไทยมายาวนานถึง 48 ปี
ชิเซโด้ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครั้งแรกในปี 2514
การเข้ามาทำตลาดชิเซโด้ ในประเทศไทย มาจากสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ได้ร่วมทุนกับชิเซโด้ ญี่ปุ่น ในการนำเข้าสินค้าชิเซโด้มาจำหน่ายในประเทศไทย โดยเริ่มแรกชิเซโด้ทำตลาดผ่านห้างสรรพสินค้าไทยไดมารู และออกร้านจำหน่ายในงานกาชาด
ส่วนในปัจจุบันชิเซโด้ (ไทยแลนด์) ตระกูลโอสถานุเคราะห์ยังคงถือหุ้นอยู่ โดยข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งว่ารายชื่อคณะกรรมการ ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) ประกอบด้วย
รัตน์ โอสถานุเคราะห์
เพชร โอสถานุเคราะห์
ภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์
นาฑี โอสถานุเคราะห์
โทชิยูกิ โคมัตซึ
ฌอง ฟิลลิปป์ ชาลิเย่
โอซามุ ชิราอิ
และปาริชาติ วีระเสถียร
Marketeer FYI 2
ปาริชาติ วีระเสถียร กรรมการผู้จัดการคนไทยคนแรกของ ชิเซโด้ ไทยแลนด์
ทิศทางของชิเซโด้คอมปานี ในปัจจุบันคือการให้ความสำคัญกับโลคอลมาร์เก็ตติ้ง ผ่านผู้บริหารที่เป็นคนโลคอล

โดยในประเทศไทย ปาริชาติ วีระเสถียร คือ กรรมการผู้จัดการคนไทยคนแรกของชิเซโด้ (ไทยแลนด์)
สิ่งที่ทำให้ปาริชาติ วีระเสถียร ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการผู้จัดการ มาจากความสำเร็จที่เธอเคยทำให้กับชิเซโด้ ในฐานะผู้จัดการทั่วไปแผนกคอสเมติกส์และเพอร์ซันนัลแคร์
ในปีที่ผ่านมา ปาริชาติได้พาแบรนด์ Shiseido เป็นแบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่ม Prestige skincare ในประเทศไทย ครองส่วนแบ่งการตลาด 11.6%
พร้อมกับพาแบรนด์ Senka เป็นแบรนด์อันดับ 1 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้ากลุ่ม rinse off ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2018 จนถึงปัจจุบัน
และนำแบรนด์ Anessa ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ผลิตภัณฑ์กันแดดผิวหน้า ใน Super/Hypermarket มียอดขาย 200,000 ชิ้น ภายใน 1 ปี ครองส่วนแบ่งการตลาด 17
นอกจากนี้ ยังได้สร้างการเติบโตให้กับแบรนด์เมคอัพอย่าง Laura Mercier และ NARS อีกด้วย
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
