การปรับตัวช้ากำลังส่งผลรุนแรงต่อ Marks & Spencer แบรนด์ค้าปลีกเก่าแก่ของอังกฤษ โดย 23 กันยายนนี้ แบรนด์ค้าปลีกอายุกว่า 130 ปี จะถูกถอดออกจากรายชื่อ 100 ดัชนีหุ้นมูลค่าสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์สหราชอาณาจักร (FTSE 100) หลังราคาหุ้นดิ่งลงไม่หยุด จากยอดขายที่ตกลงต่อเนื่อง เพราะปรับตัวไม่ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปใช้ E-commerce กันมากขึ้น
ท่ามกลางการปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอด ด้วยการปิดสาขาไปแล้วมากมาย และปลดพนักงาน หรือแม้กระทั่งปลดผู้บริหารที่ผลงานไม่เข้าเป้า

นี่ถือเป็นสัญญาณล่าสุดว่า Marks & Spencer กำลังเผชิญวิกฤต ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรและการดำเนินธุรกิจ ทั้งในสายตาผู้บริโภคและความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะเป็นหนึ่งในหุ้นที่อยู่ในดัชนี FTSE 100 มาตั้งแต่เริ่มเมื่อปี 1984
และ ณ จุดสูงสุดเมื่อปี 1998 เคยได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ค้าปลีกแรกของอังกฤษที่ตัวเลขกำไรก่อนหักภาษีสูงถึง 1,000 ล้านปอนด์ (ราว 34,000 ล้านบาทตามค่าเงินปัจจุบัน)

อย่างไรก็ตาม หาก Marks & Spencer ฟื้นขึ้นใหม่ก็อาจได้กลับเข้าไปอยู่ใน FTSE 100 เนื่องจากมีการพิจารณาเลือกหรือตัดหุ้นของบริษัทต่างๆ อยู่เป็นประจำในทุกๆ 4 ปี
ด้าน Archie Norman ประธานกรรมการบริษัท Marks & Spencer คนปัจจุบันที่เข้ามารับงานตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งสร้างชื่อจากการกู้วิกฤตให้ Asda แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตและสถานีโทรทัศน์ ITV มาแล้ว
Archie Norman
ตั้งเป้าพาต้นสังกัดปัจจุบันทำกำไรได้มากกว่า 400 ล้านปอนด์ (ราว 13,600 ล้านบาท) จากล่าสุดที่ร่วงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์ (ราว 3,400 ล้านบาท) ต่อปี
พร้อมกันนี้ Norman ยังเรียกคืนความเชื่อมั่น ด้วยการกล่าวว่า การถูกถอดออกจาก FTSE 100 ฟ้าก็ไม่ได้ถล่ม ดินก็ไม่ได้ทลาย เพราะเป็นเรื่องปกติของบริษัทที่กำลังผ่านพ้นวิกฤต เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วตอนที่ตนพลิกฟื้น Asda และ ITV/theguardian, bbc, wikipedia
–
