ทั้งด้วยขนาดพื้นที่ จำนวนประชากรและสถานะโรงงานโลก ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจีนจึงส่งผลเป็นวงกว้าง โดยหลังจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาหรือที่เรียกกันว่า “ไวรัสอู่ฮั่น” ตามเมืองในจีนที่เป็นจุดเริ่มต้นการระบาดเพิ่มขึ้น ประเทศต่างๆ กำลังเร่งหาทางป้องกันการแพร่กระจายเข้ามาในประเทศตน แต่เชื้อมรณะนี้ยังส่งผลกระทบต่อการขยายตลาดของ Renault ในจีนด้วย
จากที่แค่ปิดโรงงานในจีนเฉพาะวันหยุดช่วงตรุษจีนเพื่อให้พนักงานกลับบ้านตามปกติทุกปี แต่การพ่นพิษของ “ไวรัสอู่ฮั่น” ในปีนี้อาจทำให้กำหนดการกลับมาเดินเครื่องผลิตของ Renault และแบรนด์รถอื่นๆ ต้องเลื่อนออกไป ไม่ต่างจากการติดไฟแดง จนโอกาสเติบโตในจีนต้องหยุดชะงัก
ไวรัสตัวร้ายที่ซ้ำเติมสถานการณ์ตลาดรถจีน
การจำกัดวงการระบาดของรัฐบาลจีนที่ห้ามไม่ให้ประชาชนในอู่ฮั่นและอีกหลายเมืองทางภาคตะวันออก ออกจากเมือง สร้างความกังวลให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์
เพราะอู่ฮั่นเป็นแหล่งอุตสาหกรรมยานยนต์ใหญ่ของจีน มีแบรนด์รถมากมาย ทั้งของเอเชีย ยุโรปและสหรัฐฯ อย่าง Nissan, Renault และ GM มาเปิดโรงงาน นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Dong Feng หนึ่งในสี่แบรนด์รถจีนใหญ่อีกด้วย
หากระยะเวลาของ “มาตรการปิดเมือง” ยืดยาวออกไป ย่อมทำให้คนงานในโรงงานรถยนต์ไม่สามารถกลับมาทำงานได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่อการผลิตรถยนต์
ในส่วนของ Renault เพิ่งมีการจับมือกับ Dong Feng เปิดบริษัทร่วมทุนในชื่อ Dong Feng Renault ได้สำเร็จ เมื่อปี 2018 หลังความพยายามครั้งก่อนๆ ล้มเหลว พร้อมกับการผลิตรถภายใต้แบรนด์ตัวเองเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในจีนอย่างจริงจัง
ปี 2019 โรงงานที่เมืองอู่ฮั่นของ Renault ทำยอดขายได้ราว 180,000 คัน แม้เป็นสัดส่วนตลาดที่น้อยมากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น และคิดเป็นเพียง 5% ของยอดขายทั่วโลกของ Renault แต่ก็ถือว่าเป็นการตั้งต้น
ท่ามกลางการหดตัวของตลาดรถในจีน จากผลของเศรษฐกิจหดตัว ฉุดให้ปี 2019 ยอดขายรถทุกแบรนด์ในจีนลดลงไปถึง 2.3 ล้านคัน
ทว่าผลกระทบของ “ไวรัสอู่ฮั่น” จะทำให้การรุกตลาดจีนของ Renault ต้องหยุดชะงัก และไม่ส่งผลดีต่อภาพรวมของบริษัท เพราะยอดขายทั่วโลกลดลงไม่หยุด จาก 64,817 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.94 ล้านล้านบาท) ในปี 2017 ลดลงมาเหลือ 63,336 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.9 ล้านล้านบาท)
และคาดกันว่ายอดขายปี 2019 ที่จะมีประกาศในเร็วๆ นี้ อาจร่วงลงไปอยู่ที่ 60,729 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.82 ล้านล้านบาท)
สถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ ตัวเลขขาลงและข่าวฉาวของ Carlos Ghosn อดีตประธานกลุ่มพันธมิตรยานยนต์ Renault-Nissan-Mitsubishi ที่ยังไม่จบ ฉุดราคาหุ้นของ Renault มีแต่ดิ่งลง โดยเพียงเดือนแรกของปีก็ลดลงไปแล้ว 14%
ค่ายรถฝรั่งเศสเก่าแก่ที่ติดเครื่องโดย 3 พี่น้อง
สำนักงานใหญ่ของ Renault ในฝรั่งเศส
ยังต้องติดตามกันต่อไปว่า “ไวรัสอู่ฮั่น” จะอ่อนแรงลงเมื่อไหร่ แต่ทันทีที่วิกฤตครั้งนี้ผ่านพ้น Renault คงจะเร่งกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง เหมือนที่เคยทำมาตลอด 120 ปี
Renault ก่อตั้งโดย Louis Renault กับพี่ชายอีก 2 คนคือ Marcel และ Fernand ในปี 1899 ภายใต้ชื่อ Renault Freres ซึ่งหมายถึงพี่น้องตระกูล Renault โดย Louis Renault ทำหน้าที่วิศวกร ส่วนพี่อีก 2 คนดูแลเรื่องเงินทุนและฝ่ายบริหาร
Louis Renault 1 ใน 3 ผู้ร่วมก่อตั้ง Renault
ยุคแรกของ Renault มีข่าวดีมากกว่าข่าวร้าย เช่น 1 ใน 3 ผู้บริหารขับรถที่ผลิตเองเข้าเส้นชัยในการแข่งขัน รุกตลาดรถแท็กซี่ในต่างประเทศ และกองทัพฝรั่งเศสนำเครื่องยนต์ของ Renault ไปใช้ในเครื่องบินรบและรถถังในสงครามโลกครั้งที่ 1
แต่ยุคแรกก็ปิดฉากลงแบบสะเทือนใจ หลัง Louis Renault ถูกยึดทรัพย์ และตกเป็นผู้ต้องหาคดีสมรู้ร่วมคิดกับกองทัพนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนบริษัทที่เขาก่อตั้งมาร่วมกับพี่ชายทั้ง 2 ตกเป็นของรัฐบาลฝรั่งเศส ซ้ำร้าย Louis Renault ก็ตายในเรือนจำ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 1950 ภายใต้การดูแลของรัฐบาลฝรั่งเศส Renault ก็ดีขึ้นตามลำดับ (ภายหลังรัฐบาลฝรั่งเศสลดสัดส่วนหุ้นที่ถือครองอยู่ลงไปมาก) ปรับให้เน้นผลิตรถขนาดเล็กราคาจับต้องได้
จากนั้นจึงเริ่มรุกตลาดต่างประเทศ จนปี 1959 ก็ขึ้นเป็นบริษัทยานยนต์ใหญ่อันดับ 6 ในโลก ข้ามมาปลายยุค 70 เจาะตลาดสหรัฐฯ ได้สำเร็จ ผ่านการซื้อกิจการของ AMC
Georges Besse อดีตผู้บริหารคนสำคัญของ Renault
กลางยุค 80 Renault เผชิญปัญหาขาดทุนหนัก จน Georges Besse ผู้บริหารขณะนั้นจำเป็นต้องใช้ยาแรง ปลดพนักงานถึง 20,000 คน แม้ช่วยให้ Renault ฟื้้น แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มหัวรุนแรงในฝรั่งเศสที่เชื่อมโยงกับสหภาพแรงงาน Renault จน Georges Besse ถูกยิงตายด้วยฝีมือของกลุ่มนี้
Carlos Ghosn อดีต CEO ของ Renault ที่นำการสร้างกลุ่มพันธมิตรยานยนต์กับ Nissan
การขับเคลื่อนธุรกิจของ Renault มาถึงช่วงสำคัญอีกครั้งในปี 1999 โดยได้มีการจับมือกับ Nissan ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรยานยนต์ Nissan-Renault เพื่อความสะดวกในการกู้วิกฤตทางธุรกิจให้ฝ่ายแรก ความสะดวกในการบริหาร และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกัน ตามแผนของ Carlos Ghosn ผู้บริหารชาวบราซิลเชื้อสายเลบานอน ซึ่งปรากฏว่า Nissan-Renault ต่างดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเวลาถัดมา
Clotilde Delbos – CEO หญิงของ Renault
ปัจจุบันแม้ Renault ยังต้องเผชิญความท้าทายมากมาย แต่ก็ยังเป็นแบรนด์รถฝรั่งเศสที่มีมูลค่าแบรนด์และยอดขายเหนือกว่า Peugeot และ Citroen คู่แข่งร่วมชาติ นอกจากนี้ ยังบริหารโดย Clotilde Delbos-CEO หญิงเพียงไม่กี่คนในอุตสาหกรรมยานยนต์อีกด้วย/cnn, china, france24, renault, referenceforbusiness, brandirectory, wikipedia
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ