เป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษที่ “NAOS” (นาโอส) ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องชีวนิเวศแห่งผิวจากประเทศฝรั่งเศส นำเสนอ “ศาสตร์แห่งการปรนนิบัติดูแลผิว” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยกลไกชีวนิเวศวิทยาแห่งผิว หรือ Ecobiology กุญแจสำคัญในการรักษาสมดุลแห่งผิว และเป็นแรงบันดาลใจให้สรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสวยสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
ศาสตร์การดูแลผิวระดับโลกส่งต่อมาถึงเมืองไทย โดย NAOS Thailand ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง BIODERMA ภายใต้การดูแลของ เภสัชกรหญิง วัลภา รัตนชัยพิพัฒน์ Managing Director บริษัท นาโอส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสู่ความสำเร็จในปีที่ 4 อย่างยิ่งใหญ่กับการเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เวชสำอางในกลุ่มผิวแพ้ ระคายเคืองง่าย การันตีคุณภาพโดยแพทย์ผิวหนังทั่วโลก ยอมรับ และมั่นใจในแบรนด์ สำหรับการแนะนำผลิตภัณฑ์ใช้เสริมการรักษาผู้ป่วยโรคผิวหนังได้ พร้อมด้วยการจัดจำหน่ายกว่า 100 ประเทศ

ครบทุกการดูแลที่เกี่ยวกับเรื่องผิว สู่การเติบโตในตลาดต่อเนื่อง
“บริษัท NAOS Thailand เป็นบริษัทสาขาของ NAOS Group ประเทศฝรั่งเศส เจ้าของแบรนด์ BIODERMA ก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 หลังจากนั้นเริ่มทำการตลาดทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด” ภก. หญิง วัลภา กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ BIODERMA ในประเทศไทย
“โปรดักส์ฮีโร่ของเราคือ BIODERMA Sensibio H2O ซึ่งเป็น Micellar Water นอกจากนี้ เรายังมี Make Up Remover, Skincare, Sun Care รวมถึงกลุ่มเจลล้างหน้าต่างๆ ด้วย ซึ่งลักษณะพิเศษของแบรนด์ BIODERMA จะพัฒนามาให้ตอบโจทย์ปัญหาทุกสภาพผิวที่คนไทยหรือคนทั่วโลกจะมี เช่น ผิวแพ้ง่าย ผิวธรรมดา ผิวมัน ผิวแห้ง แห้งถึงขั้นผิวอักเสบ แดง ลอก ระคายเคือง หรือ Xerosis เรียกได้ว่าเรามีครบทุกความต้องการที่เกี่ยวกับเรื่องการดูแลผิวให้คืนสู่ผิวสุขภาพดีเลย”
ด้วยไลน์สินค้าที่ครอบคลุมทุกความต้องการ และตอบโจทย์อย่างตรงจุด ตัวเลขการเติบโตในตลาดของ BIODERMA จึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ตั้งแต่ช่วงเริ่มกิจการในประเทศไทย 3-4 ปีที่ผ่านมา เราได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น มีลูกค้าที่เป็น Plus Sale เพิ่มขึ้น ทั้งในกลุ่มของ Medical และ Retail ซึ่งจะเป็นทั้งทางด้าน Pharmacy, Health and Beauty และ Beauty Store รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ e-commerce เรามี Brand Shop ของเราเอง เป็นพันธมิตรกับ Marketplace Online อย่าง Lazada และ Shopee อีกด้วย ส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตสะสมอยู่ที่ประมาณ 60% และเติบโตต่อเนื่องทุกๆ ปี”
Ecobiology ศาสตร์ชีวนิเวศนแห่งผิว BIODERMA คัดสรรส่วนประกอบที่เป็นมิตรต่อเซลล์ผิว การันตีคุณภาพโดยแพทย์ผิวหนัง
แม้ว่าตลาดเวชสำอางจะมีการแข็
“เราเน้นนำเสนอความเป็น BIODERMA ที่การันตีคุณภาพโดยแพทย์ผิวหนังทั่วโลก ยอมรับ และมั่นใจในแบรนด์ สำหรับการแนะนำผลิตภัณฑ์ใช้เสริ
หลักการของการวิจัยพัฒนาคิดค้นเราไม่ใช่แค่ Skincare แต่มองถึงเรื่องธรรมชาติของผิว โดยใช้หลักการ Ecobiology หรือ ชีวนิเวศวิทยาแห่งผิว คือ Ecology นิเวศวิทยา กับ Biology ชีววิทยามารวมกัน นั่นแปลว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิว เพื่อให้ทุกคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์เราไปแล้วจากผิวที่มีปัญหากลับมีผิวที่แข็งแรงสุขภาพดี เป็นผิวที่มีความสมดุล ผิวจึงไม่เป็นโรค ไม่แพ้ ไม่เป็นสิว ไม่เป็นแผลเป็น ไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น และคิดต่อว่าทำอย่างไรให้ผิวคงสภาวะที่ดีที่สุดเหมือนเดิม พร้อมทั้งให้ผิวสวยตลอดไป หรือที่เรียกว่าสวยอย่างยั่งยืน
เราใช้หลักการนี้มาวิจัยผลิตภัณฑ์ออกมาโดยมีสิทธิบัตรของเราเอง ซึ่งแบรนด์ BIODERMA เป็นแบรนด์ Skincare ที่มีสิทธิบัตรมากที่สุดในโลกเกินกว่า 80 สิทธิบัตร ซึ่งการเกิดสิทธิบัตรไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความแตกต่างและดีจริง เพราะฉะนั้นทุกสินค้าภายใต้แบรนด์ของเราจะมีสิทธิบัตรที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เราพิถีพิถันการเลือกส่วนประกอบที่จะต้องบริสุทธิ์ที่สุด ใช้ในปริมาณที่เพียงพอและพอดีกับความต้องการตามธรรมชาติของผิว ผ่านการทดสอบที่รับรองโดยแพทย์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ ไม่ทำร้ายผิวแม้ใช้ต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากหลักการ Ecobiology อันเป็นหัวใจหลัก ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีประสิทธิภาพและครองใจทุกคนได้ทั่วโลก”

BIODERMA Sensibio H2O ผู้นำตลาด Micellar Water
Sensibio H2O ครองความเป็นผู้นำในตลาด Micellar Water อย่างต่อเนื่องยืนหนึ่งจนเป็นตำนาน ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1995 จากสถาบันวิจัย BIODERMA และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจากผู้ใช้มานานกว่า 25 ปี ทั้งแพทย์ผิวหนัง บุคคลที่มีชื่อเสียง ช่างแต่งหน้า และเหล่าบล็อกเกอร์ชั้นนำ ด้วยคุณภาพระดับที่ใช้ในวงการแพทย์ มั่นใจได้ในความปลอดภัยและอ่อนโยน สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก พร้อมคืนสมดุลให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น
“Sensibio H2O จะมีสิทธิบัตรที่เรียกว่า DAF (Dermatological Advanced FormulationTM) ที่ช่วยปรับให้ผิวแข็งแรง อ่อนโยนต่อผิว แล้วเหมาะกับผิวแพ้ง่าย ด้วยหลักการ Ecobiology ที่เรานำมาใช้กับ Micellar Water เช่นกัน ซึ่ง Micellar Water ของ BIODERMA แตกต่างจากแบรนด์อื่นตรงไหน ต้องบอกว่าด้วยหลักการที่เรานำมาใช้ เราเป็นแบรนด์แรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี Micelle และทำให้ Micellar Water ของเราเป็นลักษณะ Biomimetic คือ เสมือนจำลองเซลล์ผิวของเราตามธรรมชาติ เซลล์ผิวของเรามีการจัดเรียงตัวอย่างไร หน้าตาเป็นอย่างไร องค์ประกอบของ BIODERMA Sensibio H2O Micellar Water ก็จะมีลักษณะโครงสร้างคล้ายกับเซลล์ผิวของเราเลย เพราะฉะนั้นเวลาใช้มันจะไม่เหมือนของแปลกปลอม ในส่วนของน้ำที่ใช้เป็นน้ำบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการกลั่นถึง 9 ขั้นตอนความสะอาดเทียบเท่ามาตรฐานของยาฉีดเข้าร่างกาย มั่นใจว่าปราศจากแบคทีเรียและสิ่งเจือปน อีกทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มี pH 5.5 ซึ่งตรงกับที่ผิวต้องการ ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดนี้ Sensibio H2O จึงทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึก หมดจดแม้สิ่งสกปรกที่เล็กกว่า PM2.5 และยังอ่อนโยนสุดๆ คนที่ผิวบอบบางที่สุด หรือคนผิวแพ้ง่ายมากๆ ก็สามารถใช้ได้ นี่คือความแตกต่างของเรา”
แคมเปญพิเศษฉลองความสำเร็จ BIODERMA-Sensibio H2O 25th Anniversary
ในปีนี้ Sensibio H2O ได้เดินทางเข้าสู่ปีที่ 25 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา BIODERMA ได้มีแนวคิดที่จะอยู่เคียงข้างและดูแลผิวของผู้หญิงทั่วโลก แม้แต่ละคนจะมีสภาพผิวและปัญหาที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีความแตกต่าง ทั้งในด้านการใช้ชีวิต ความคิด และความเชื่อ จึงเป็นที่มาของแคมเปญ “Respect My Choices”
“แคมเปญหลักๆ จะสอดคล้องกับตัวผลิตภัณฑ์ของเรา โดยเน้นที่ Micellar Water ทุกปีก็จะมีแคมเปญในชื่อต่างๆ ออกไป แต่ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 25 ปี แคมเปญของเราก็จะเฉลิมฉลองการครบรอบ 25 ปี Micellar Water โดยใช้ชื่อธีมว่า ‘Respect My Choices’ ทำไมถึงใช้คำนี้ เราได้แนวคิดมาจาก Headquarter ที่มองว่าผู้หญิงทุกคนมีความแตกต่างกัน ทั้งไลฟ์สไตล์ อาชีพ ความเชื่อ ความคิด แต่ไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตแบบไหน ก็ควรได้รับการยอมรับจากสังคมและคนรอบข้าง เพราะทุกคนมี Choice ของตัวเอง นั่นแหละคือ Choice ที่ดีที่สุด Sensibio H2O choice ทำความสะอาดผิวยอดนิยม สำหรับผู้หญิงทุกคน เพราะ Sensibio H2O ที่ถูกคิดค้นขึ้นบนพื้นฐานของความเข้าใจถึงความเอกลัษณ์ที่แตกต่างของผู้หญิงแต่ละคน จึงทำความสะอาดผิวได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
การดำเนินแคมเปญนั้น อย่างที่กล่าวไปคือ Micellar Water เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทเราทั่วโลก เป็นแบรนด์ที่มี Contribution ที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นแคมเปญของ Micellar Water จะเป็นแคมเปญที่เหมือนกัน ที่ผ่านมาอาจจะมีความแตกต่างในรูปแบบ และ Message แต่ในปีนี้วิธีการ รูปแบบจะเหมือนกันทั่วโลก เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลไมเซล่าวอเตอร์อย่างยิ่งใหญ่

ร่วมให้ความรู้ตอกย้ำความน่าเชื่อถือในงานประชุมแพทย์ผิวหนังนานาชาติ RCD 2020
เป็นอีกครั้งที่ BIODERMA มีส่วนร่วมกับสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ซึ่งในปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพงานประชุมวิชาการของแพทย์ผิวหนังในระดับนานาชาติ RCD 2020 ครั้งที่ 24 หรือ Regional Conference of Dermatology (Asian-Australasian) เมื่อวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา โดยภายในงานจะมีการบรรยายและแสดงเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการดูแลผิวหนัง พร้อมการบรรยายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงจากในและต่างประเทศ
“ในงานนี้จะเป็นงานใหญ่ที่แพทย์ผิวหนังได้อัปเดตเทคโนโลยีและข้อมูลใหม่ๆ ที่ช่วยส่งเสริมการรักษาโรคผิวหนัง โดย บริษัท นาโอส (ประเทศไทย) จำกัด ได้สนับสนุนการประชุมวิชาการเรื่อง Enhancing Treatment Outcomes with Ecobiological Dermocosmetics และได้รับเกียรติจาก ดร. นพ.เวสารัช เวสสโกวิท จากสถาบันโรคผิวหนัง รศ. นพ.วาสนภ วชิรมน โรงพยาบาลรามาธิบดี และ รศ. พญ.ภาวินี ฤกษ์นิมิตร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเป็นวิทยากรให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการดูแลผิวด้วยเวชสำอางควบคู่กับการรักษา ทั้งปัญหาสิว ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ปกป้องผิวอย่
เป็นการประชุมสัมมนาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มเลย ทั้งกลุ่มของสิว กลุ่ม Sun Care และกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโรคผื่นผิวหนังอักเสบ ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีหลักการ Ecobiology ว่าใช้ในเวชสำอางแล้วช่วยส่งเสริมการรรักษาต่อผู้ป่วยอย่างไร ข้อดีของผลิตภัณฑ์ BIODERMA กับผู้ป่วย 3 กลุ่มนี้เป็นอย่างไร มีการนำผลการวิจัยจากผู้ใช้จริงการศึกษาจริงในอาสาสมัครคนไทยในมหาวิทยาลัยโรงเรียนแพทย์ที่คุณหมอสอนอยู่ ขึ้นมานำเสนอด้วย ดังนั้นมันเป็นข้อมูลที่ไม่ใช่แค่อยู่ในตำรา แต่เป็นข้อมูลจากประสบการณ์การใช้จริงของคนไข้แล้วเห็นผล คือจะไม่บอกว่าดีกว่าหรือมากกว่า แต่จะโชว์ผลเลยว่า เห็นสภาพผิวที่เปลี่ยนแปลงแตกต่างจากการใช้เสริมการรักษาอย่างไร ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เข้ามาพิสูจน์และรับรองแล้ว

พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดบูธกิจกรรมแนะนำผลิตภัณฑ์เวชสำอาง BIODERMA และเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ Institut Esthederm รวมทั้งกิจกรรมถ่ายภาพฉลองครบรอบ 25 ปี Sensibio H2O Micellar Water ในตำนานอีกด้วย ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากแพทย์ผิวหนังและผู้ที่มาร่วมงาน เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นใจตัวสินค้าของ BIODERMA ได้เป็นอย่างดี”


พร้อมลุย Digital Transformation ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ตลาดเวชสำอางมีการเติบโตอย่างมาก และมีแนวโน้มจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการเข้ามาของ Digital ที่เปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบการใช้ชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้บริหาร NAOS Thailand ได้เตรียมแผนรองรับไว้อย่างน่าสนใจ โดยมีแก่นของกลยุทธ์คือเพื่อ ‘ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค’
“ตลาดเวชสำอางเป็นตลาดที่มีการเติบโตดีมาก ผู้บริโภคมีความรู้ในเชิงลึกและศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจซื้อ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงได้นอกเหนือจากโรงพยาบาลเยอะมาก ทั้ง Health and Beauty และ E-Commerce นอกจากนี้ แบรนด์ในตลาดก็มีการให้ความรู้กับผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ เช่น แพทย์กับเภสัชกร ก็รับรองในกลุ่มเวชสำอางมากขึ้น เนื่องจากเห็นประโยชน์จริงๆ ดังนั้นผู้บริโภคจึงได้รับทราบข้อมูลข่าวสารจากโรงพยาบาลมากขึ้น มีความรู้ให้อ่านในอินเทอร์เน็ตมากมาย ดังนั้นความรู้ความเข้าใจของผู้บริโภคมากขึ้น มีความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์เวชสำอางมากขึ้น ว่ามันแตกต่างจากผลิตภัณฑ์แบบอื่นอย่างไร และเหมาะกับผิวอย่างไร และตอนนี้ราคาของเวชสำอางก็ใกล้เคียงกับเครื่องสำอางแบรนด์ตลาด แถมยังมีผู้เชี่ยวชาญรับรองการันตีในด้านประสิทธิภาพ เวชสำอางจึงได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกัน การขยายตัวนี้ก็ยังมาพร้อมกับเทรนด์การตลาดที่เปลี่ยนไป ซึ่งเราก็มีการปรับตัวเช่นกัน โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Headquarter มีทิศทางที่ชัดเจนมากคือเรื่องของ Digital Transformation นำตรงนี้ออกมาสื่อสาร Engagement กับผู้บริโภคทุกกลุ่ม พร้อมพัฒนาเรื่อง E-Commerce อย่างจริงจัง เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไป ซึ่งการปรับตัวนั้นไม่ใช่แค่ขาย แต่ปรับตัวโดยใช้ Big Data เข้ามาช่วย ตอนนี้มี Digital Tool เข้ามาช่วยในการสื่อสาร การวิเคราะห์ลูกค้า แล้วเลือกให้แมทช์จริงๆ โดยที่เราไม่ได้ดูตัวเองเป็นหลัก เมื่อก่อนเป็น B2B ตอนนี้เป็น B2C แต่ตอนนี้ใช้คำว่า B2B2C เลย เราถือว่าเป็น Consumer Good อย่างหนึ่ง ดังนั้น การปรับตัวของเราก็เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคนั่นเอง
การเข้ามาของ Digital Marketing สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพราะการตลาดในยุคนี้เปลี่ยนไป เน้นเรื่องโซเซียลมีเดีย การรับรู้ของคนเปลี่ยนไปมากขึ้น ดังนั้น ถามว่าอันนี้คือชาเลนจ์ไหม ตอบว่าใช่ ทำอย่างไรที่เราจะสามารถสื่อสารให้เท่าทันการเปลี่ยนของเทคโนโลยีค่านิยม
ก่อนหน้านี้เราจะพูดถึงช่องทางหลักๆ คือ อินเทอร์เน็ตกับโซเซียลมีเดีย โซเซียลมีเดียก็แบ่งออกมาตามแพลตฟอร์มต่างๆ แต่ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้บริโภคที่เข้าถึงแพลตฟอร์มเปลี่ยนไป เมื่อก่อน Facebook เป็นกลุ่มหลักของทุกๆ คน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ถ้าพูดถึง Youngster ต้องไป twitter ไป Instagram ซึ่งเรื่องของการปรับเปลี่ยน Algorithms ของแพลตฟอร์มเองก็มีผลต่อการทำตลาดอย่างมาก ทำให้ยากขึ้นเยอะ ดังนั้น นี่เป็นการพิสูจน์ว่าแต่ละแบรนด์สามารถทำ Content ที่มีคุณภาพมากขนาดไหน และเดินไปกับนโยบายของแพลตฟอร์มเหล่านั้นด้วย
แล้วในแง่ของดิจิทัล มองไปถึง One Stop Shop ซึ่งไม่ใช่ช่องทางการสื่อสาร แต่ต้องตอบโจทย์ได้ถึง Consumer Journey รับรู้ เสาะหา และสามารถซื้อได้ นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าซื้อแล้วจบ พอซื้อแล้วต้องการบริการ การตอบคำถาม การดูแลต่างๆ ที่ครอบคลุม คือเป็นการมองว่าแบรนด์จะต้องทำอะไรให้เขาได้บ้าง เพราะฉะนั้นในแง่ของ Digital Communication เราถึงจะต้องมีแพลตฟอร์ม ที่เป็นเรื่อง Loyalty Program มาใช้ด้วยเหมือนกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ นี่คือกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BIODERMA ได้ที่ www.bioderma.co.th
–
