ESPRIT ทำไมจึงขอปิดเส้นทางธุรกิจในเอเชีย คำตอบที่สาวกแบรนด์นี้ต้องรู้ (วิเคราะห์)

จุดเริ่มต้นของชายหญิงธรรมดาคู่หนึ่งบน Emerald Bay แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกแบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อว่า “ESPRIT” และแบรนด์อุปกรณ์เสื้อผ้ากีฬากลางแจ้งอย่าง “The North Face” ในปี 1968

เขาทั้งสองคือ Doug Tompkins และ Susie Russell ผู้ที่มีแพชชั่นในเรื่องแฟชั่น ที่ร่วมกันปลุกปั้นESPRIT ภายหลังจากที่พวกเขาแต่งงานได้เพียง 5 ปี

โดยช่วงแรกใช้อพาร์ตเมนต์ของ Tompkins เป็นออฟฟิศ โดยทอมพ์กินส์นั้นดูแลด้านบัญชี ส่วนผู้เป็นภรรยาดูแลด้านออกแบบ

แฟชั่นของ ESPRITเน้นดีไซน์ร่วมสมัยในสไตล์อเมริกัน ด้วยสไตล์เสื้อผ้าที่เด่นชัดในยุคนั้น ทำให้แบรนด์ติดตลาดได้ไม่ยาก

จนนำไปสู่การก่อตั้งเป็นรูปบริษัท Esprit de corp. อย่างจริงจังในปี 1971

และได้ขยายฐานการผลิตไปยังฮ่องกงเพื่อดูแลภูมิภาคเอเชีย และขยายไปยังยุโรป

ปัจจุบัน ESPRITดำเนินอยู่ภายใต้ Esprit Holdings Ltd. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง และเยอรมนี

หนึ่งคีย์เพลย์เยอร์ที่ทำให้ ESPRITเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก คือ “Michael Ying” นักธุรกิจมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง ที่ได้พบกับครอบครัวทอมพ์กินส์ และได้ร่วมธุรกิจมาตั้งแต่ช่วงปี 1970s

อดีตแชร์แมนและซีอีโอคนนี้ในช่วงที่เขาอยู่ในตำแหน่งราว 13 ปี ตั้งแต่ปี 1993-2006 เขาทำให้รายได้ของ ESPRIT เติบโตแบบก้าวกระโดด

จากในปี 1993 มีรายได้ 769.7 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง มาสู่รายได้ระดับ 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกงในปี 2006

แม้จะเคยทำรายได้ได้อย่างมหาศาล แต่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีคู่แข่งแบรนด์ต่างๆ เข้ามาแข่งขันกันอย่างรุนแรงไม่ว่าจะเป็น H&M ZARA Uniqlo ฯลฯ

และเมื่อแบรนด์ปรับเปลี่ยนไม่ทัน จากแบรนด์ที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ก็อาจจะไม่ได้สวยหรูตลอดไป

สะท้อนได้จากรายได้ในช่วง 5 ปีหลังมานี้ รายได้ลดลงเรื่อยๆ และขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ฮ่องกง

ผลประกอบการของESPRIT HOLDING, ปิดงบทุกสิ้น มิ.ย.

และตัวเลขผลประกอบการระหว่างปี 2019/2020 ช่วง 6 เดือนแรก สิ้นสุด ณ 31 ธ.ค. มีรายได้ 5,763 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง ขาดทุน 331 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

ล่าสุด ในไตรมาส 3 (ม.ค.-มี.ค.) รายได้ของ ESPRITทั่วโลกลดลง 25%

ช่วง 9 เดือน สิ้นสุด ณ มี.ค. ลดลง 18.1%  โดยยอดขายฝั่งเอเชียลดลง 44.2%

และยิ่งกับสถานการณ์ล่าสุดจากพิษสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ก็เหมือนกระหน่ำซ้ำให้ ESPRITต้องออกมาประกาศปิดสาขาทั้งหมดในเอเชียรวม 56 สาขา (สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเก๊า) ยกเว้นในจีน ภายใน 30 มิ.ย. นี้

โดยรายได้ 9 เดือน ถึงสิ้น มี.ค. ในเอเชียมีแค่ 4% ของรายได้รวม

 

ในไตรมาส 3 (ม.ค.-มี.ค.) รายได้เอเชีย-ยุโรป เป็นอย่างไร

 

ยอดขายในฝั่งเอเชียร้านค้าปลีกลดลง 52.2-61.3%

และค้าส่ง 54.9% ขณะที่ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 13.9%

รายได้จากฝั่งยุโรปลดลง 22.2%

โดยค้าปลีก, ค้าส่ง, ออนไลน์ และค่าไลเซนส์และอื่นๆ

ลดลง 36.2%, 22.5%, 7.1% และ 16.7% ตามลำดับ

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการปิดสาขา แต่ก่อนหน้านี้ ESPRITก็เคยออกมาประกาศปิดสาขาในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในปี 2012 จะปิดร้านค้าทั้งหมดในอเมริกาเหนือที่ไม่ทำกำไร

ปี 2018 ปิดสาขาในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ทั้งหมด 67 สาขา

นับจากนี้คงต้องตามดูว่าแบรนด์แฟชั่นอายุกว่า 50 ปี จะเดินไปอย่างไร หรืออาจจะเหลือไว้แต่เพียงชื่อ

ส่วน ESPRITในไทยที่มีอยู่ 85 สาขา ภายใต้ปีกของเครือไมเนอร์ จากในข่าวไม่ได้ระบุถึงการปิดสาขาแต่อย่างใด

 

// annual report, straitstimes, insideretail.asia, ejinsight

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer