ตลาดเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ปี 2563 ทำไมเติบโตภายใต้วิกฤตโควิด (วิเคราะห์)
แม้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจะประเมินไว้ว่าภาพรวมการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในปี 2563 น่าจะยังคงหดตัวราว 5-8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
โดยเฉพาะค้าปลีกที่เน้นขายสินค้าที่มีรอบของการเปลี่ยนนาน หรือมีมูลค่าต่อชิ้นสูง (สินค้าไม่จำเป็น/ฟุ่มเฟือย) เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าเฉพาะอย่างวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน สินค้าแฟชั่นน่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงและกลับมาฟื้นตัวได้ช้า
แต่ปรากฏการณ์ในวันที่คลายล็อกดาวน์ห้างสรรพสินค้าเมื่อ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา สโตร์วัสดุตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์สัญชาติสวีเดนอย่าง “อิเกีย” กลับสร้างปรากฏการณ์คนแห่ไปที่สาขาจำนวนมาก จนอิเกีย สาขาบางนา ต้องประกาศปิดรับคนเข้าสโตร์ชั่วคราว
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่สนใจการตกแต่งบ้านมากขึ้น แม้ก่อนหน้านี้จะไม่ได้มาเดินซื้อสินค้าที่หน้าร้านสาขา เพราะต้องปิดให้บริการชั่วคราว แต่ผู้คนก็หันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
อย่างของอิเกียเองนั้น อิเกียออนไลน์มีการเติบโตถึง 320% สอดคล้องกับ NocNoc.com แพลตฟอร์มซื้อ-ขายวัสดุและสินค้าตกแต่งบ้านออนไลน์ ที่ออกมาเปิดเผยว่ายอดขายผ่านเว็บไซต์โตขึ้น 3.3 เท่า
Marketeer ชวนดูเพอร์ฟอร์แมนซ์ของ 4 แบรนด์ใน ตลาดเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ที่เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดร้านวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านที่อยู่ในตลาดหุ้น ว่าไตรมาส 1 กับสถานการณ์ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบมากน้อยแค่ไหน

HomePro มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศถึง 93 สาขา และหากรวมกับแบรนด์ในเครืออย่างเมกาโฮม และโฮมโปรที่มาเลเซียจะทำให้มีสาขารวมกันถึง 113 สาขา
ทั้ง 113 สาขานี้มีรายได้รวม 15,333.29 ล้านบาท ลดลง 1,219.72 ล้านบาท หรือ 7.37% เป็นผลมาจากยอดขายของธุรกิจโฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียได้รับผลกระทบจากการปิดสาขา แต่ยังมีรายได้ในส่วนของโฮมเซอร์วิสที่เติบโต
รวมทั้งรายได้ที่หวังจะมาจากการจัดงาน HomeProExpo ก็หายไปด้วยเพราะต้องเลื่อนการจัดงาน
กลยุทธ์และสิ่งที่โฮมโปรทำคือ การมุ่งไปขายผ่านช่องทางออนไลน์และผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ การออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายต่าง ๆ ส่งผลให้บริษัทมีกำไร 1,266.52 ล้านบาท ลดลง 10.80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
Global House ที่มีสาขาในจังหวัดร้อยเอ็ดเป็นสาขาแรก และเมื่อราว 8 ปีก่อน มีกลุ่มเอสซีจีเข้ามาลงทุนถือหุ้นอยู่ราว 32% ไตรมาสแรกของปีนี้โกลบอลเฮ้าส์มีรายได้รวม 7,543.44 ล้านบาท ลดลง 2.04% แม้จะมีรายได้ที่ลดลง แต่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13.81% อยู่ที่ 621.29 ล้านบาท
คงไม่ต้องบอกว่ารายได้ลดลงเกิดจากสาเหตุอะไร แต่กำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการที่โกลบอลเฮ้าส์ผลักดันสินค้ากลุ่ม House Brand มากขึ้น
Dohome แม้จะมีสาขาแค่ 16 สาขา แต่รายได้ไม่ธรรมดา เพราะไตรมาสแรกมีรายได้ 4,621.79 ล้านบาท สิ่งสำคัญเฉกเช่นเดียวกับโกลบอลเฮ้าส์คือ ดูโฮมดันขายสินค้า House Brand เช่นเดียวกัน มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 17.3% ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้
แต่ด้วยเพราะต้องปิดสาขาตามมาตรการของรัฐเลยทำให้ไตรมาสนี้ดูโฮมมีกำไรสุทธิ 177.30 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วย INDEX Livingmall ที่มีสาขารวม 63 สาขา และเพิ่งจะเข้าตลาดหุ้นในปีที่ผ่านมา มีรายได้อยู่ที่ 2,227.0 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 118.2 ล้านบาท
สิ่งที่น่าสนใจเหมือนกับโฮมโปรคือรายได้จากช่องทางการขายผ่านออนไลน์โตขึ้นถึง 150% เลยทีเดียว
นับจากนี้แบรนด์คงต้องมองต่อไป “ช่องทางออนไลน์” จะเป็นอีกช่องทางทำเงินที่สำคัญในยุคที่กลายเป็น New Normal เพราะผู้คนจะอยู่กันบนโลกออนไลน์มากขึ้น
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline
