ตลาดสินค้าไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้า ปี 2564 ในวันที่โควิดเข้ามาสร้างบรรทัดฐานการซื้อสินค้าใหม่ (วิเคราะห์)
ธุรกิจครึ่งปีแรก 2563 ถูกปั่นป่วนด้วยโควิด-19 ที่เข้ามาเร่งปฏิกิริยาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ รวมถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้า
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนหนึ่งมาจากการล็อกดาวน์ประเทศ ปิดสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะศูนย์การค้า ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้าต่าง ๆ และการทำงานและเรียนจากบ้านที่เปลี่ยนบริบทการซื้อสินค้าไอทีและเครื่องใช้ไฟฟ้าไปจากเดิมแค่ไหน
ยอดขายไอที เครื่องใช้ไฟฟ้าหน้าร้านลดลง 19.9%
จากข้อมูลของเอปสัน อ้างอิงจาก GFK ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่องทางออฟไลน์ พบว่าช่องทางขายไอที/เครื่องใช้ไฟฟ้าตามร้านค้าออฟไลน์ได้รับผลกระทบทุกเซกเมนต์ จากการปิดห้างสรรพสินค้า ที่ทำให้ร้านค้าต่าง ๆ ไม่สามารถขายสินค้าผ่านช่องทางนี้ได้
ตลาดสินค้าไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้าในเดือนมกราคม-มิถุนายน 2563 มีมูลค่ารวม 100,616 ล้านบาท ติดลบมากถึง 19.9% และมียอดจำหน่าย 21.6 ล้านเครื่อง ติดลบ 16.9%
โดยตลาดกล้องดิจิทัลเป็นตลาดที่มีการติดลบมากที่สุด จากการที่คนอยู่บ้าน ไม่ได้เดินทางออกท่องเที่ยว ทั้ง ๆ ที่ช่วงเดือนเมษายน ของทุก ๆ ปี เป็นช่วงเวลาแห่งการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในฤดูกาลขายกล้องดิจิทัล
ส่วนตลาดที่มีการติดลบน้อยที่สุดคือตลาดไอที เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก พรินเตอร์ และอื่น ๆ การติดลบที่น้อยที่สุดนี้ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานจากบ้านและเรียนจากบ้าน ที่จำเป็นต้องซื้อคอมพิวเตอร์ หรือพรินเตอร์ใหม่เพื่อใช้ทำงานและเรียนจากบ้านผ่านช่องทางออนไลน์
มือถือตลาดรวมเติบโต และก้าวกระโดดบนเส้นทางออนไลน์
สำหรับตลาดมือถือซึ่งถือเป็นหนึ่งดีไวซ์ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากนโยบายเรียนออนไลน์จากภาครัฐในช่วงโควิดที่ผ่านมา
ยอดจำหน่ายมือถือในช่วงครึ่งปีแรก 2563 มูลค่า 7,796 ล้านบาท เติบโต 14% การเติบโตของตลาดมือถือมาจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากถึง 2,010 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามากถึง 163%
ซึ่งการเติบโตของยอดจำหน่ายมือถือผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค ที่เดิมมองว่าการซื้อมือถือจะซื้อที่หน้าร้าน เพื่อสอบถามสินค้าจากพนักงาน เทสต์เครื่อง และให้พนักงานช่วยปรับแต่งและย้ายข้อมูล (ในบางสาขาที่ให้บริการ) พร้อมกับซื้ออุปกรณ์เสริมไปพร้อม ๆ กัน เป็นการเปลี่ยนสู่การซื้อออนไลน์ที่ผู้ซื้อจะต้องเรียนรู้สินค้าด้วยตัวเองเป็นหลัก
ตลาดพรินเตอร์ แม้จะเรียนออนไลน์ ทำงานจากบ้าน แต่กลับไม่เติบโต
แม้การเรียนออนไลน์และทำงานจากบ้านจะเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้หลายบ้านซื้อเครื่องพรินเตอร์เพื่อมาพรินต์งาน ประกอบการทำงาน หรือการเรียน ที่บ้านมากขึ้น
แทนที่ตลาดพรินเตอร์จะเติบโต แต่ในความเป็นจริงแล้วตลาดรวมของพรินเตอร์ทั้งซิงเกิลฟังก์ชันและออลอินวันยังคงติดลบทั้งคู่ ส่วนหนึ่งจากการชะลอการซื้อพรินเตอร์เครื่องใหม่ทดแทนเครื่องเก่าของ SME
แต่ภายใต้การติดลบยังคงมีความน่าสนใจคือ ยอดจำหน่ายที่เติบโตในช่องทางออนไลน์ โดยพรินเตอร์ออลอินวันมีการเติบโตมากถึง 68% และซิงเกิลฟังก์ชันเติบโต 22%
ทั้งนี้ แม้โควิด-19 จะเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้ออย่างไร แต่ที่สำคัญคือ ในวันนี้ผู้บริโภคไม่ได้มองว่าจะซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ หรือออฟไลน์เท่านั้น แต่พวกเขาเลือกซื้อในช่องทางที่สะดวกและตอบโจทย์ที่สุดมากกว่า และหน้าที่ของแบรนด์คือการพัฒนาช่องทางการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเชื่อมประสบการณ์การซื้อสินค้าเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพราะเมื่อผู้บริโภคจะซื้อสินค้าผ่านช่องทางไหน แต่เงินก็ไหลเข้ากระเป๋าเดียวกันคือ กระเป๋าของแบรนด์สินค้านั่นเอง
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ