พลังของการรวมแก๊งค์ Super Hero ของ Marvel Studio เรียก Damage ได้รุนแรงเสียเหลือเกิน เพราะแค่เปิดตัวสัปดาห์แรกขายตั๋วภาพยนตร์โกยเงินเข้ากระเป๋าไป 650 ล้านดอลลาร์

กลายเป็นแชมป์รายได้เปิดตัวแรงที่สุดตลอดกาล แล้วคาดว่าเมื่อภาพยนตร์ลาโรง จะมีรายได้แซงหน้ารายได้อันดับหนึ่งตลอดกาลอย่าง Avatar

ไม่มีใครปฎิเสธว่าสิ่งที่ทำให้หนังรวมมิตร Super Hero อย่าง Avenger ไม่ว่าจะฉายกี่ครั้งต่อก่ีครั้ง จะมีพลังล้นเหลือนั้นคือ Product หรือ ภาพยนตร์คุณภาพระดับ 10 ดาว แต่การมี Product ที่ดีหากขาดชั้นเชิงการตลาดพลังของเหล่า Hero ที่ Marvel studio เสกขึ้นมานั้นจะไม่มีอิทธิฤทธิ์มากขนาดนี้

“น้ำต้มยำ” ของ Marvel studio

ทริคแรกที่ดูเหมือนเป็น “น้ำจิ้ม” ในสายตาคนทั่วโลก แต่จริงๆแล้วมันคือ “น้ำต้มยำ” ที่ Marvel studio จงใจเสิร์ฟสู่สายตาคนทั่วโลกนั้นคือฉาก End Credit

ที่เราต้องนั่งรอ 10 นาทีเพื่อรอดูฉากสั้นๆ ความยาว 15 -20 วินาที ที่มีเนื้อหาเพื่อใช้เชื่อมโยงไปสู่หนังรวมมิตร Super Hero ภาคใหม่

ไม่เว้นแต่ภาพยนตร์ภาคเดียวของ Super Hero แต่ละคนก็จะถูกเชื่อมโยงถึงกัน อย่างล่าสุดก็ Thor Ragnarok ที่เชื่อมโยงเนื้อหาปูเรื่องไปสู่ Avenger infinity war

แน่นอนบรรดาผู้กำกับของภาพยนตร์แต่ละเรื่องต้องมาสุ่มหัวกันว่าจะส่งไม้ต่อไปให้ภาพยนตร์เรื่องต่อไปอย่างไร

เมื่อสร้างปริศนาการเชื่อมต่อของหนังแต่ละเรื่องด้วยฉาก End Credit กระตุ้นต่อมอยากชมที่ต้องรอกันข้ามปี เป็นวิธีการตลาดที่เปรียบเสมือนการทิ้งเหยื่อชิ้นเล็กๆ  1 ชิ้นลงบนฝูงบ่อปลา

สปอยล์ อย่างมีจังหวะ 

จากนั้นเหยื่อชิ้นต่อๆ ไปก็จะถูกทิ้งลงในบ่ออย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์จากดารานักแสดงผ่านสื่อ Mass ในเรื่องนั้นๆ รวมถึงดารานักแสดงก็จะใช้สื่อออนไลน์ของตัวเองที่มีคนติดตามเป็นหลักล้านๆ ทั้ง Twitter,Facebook, สปอยล์หนังรวมมิตร Hero แบบเบาๆ จากนั้นก็สลับไปมากับ Movie Trailers ทั้งแบบทางการและจงใจปล่อยภาพหลุดจากสื่อ

ทุกกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาถ่ายทำหนังรวมมิตร Super Hero ฟอร์มยักษ์แต่ละเรื่อง ยิ่งภาพยนตร์เรื่องนั้นใกล้เข้าฉายเมื่อไร กลยุทธ์การสปอยล์อย่างมีศิลปะจากไอเดีย Marvel Studio ก็จะยิ่งโหมหนักมากขึ้นเท่านั้น

Marvel studio บิวด์ให้ผู้ชมทั่วโลกอยากดูภาพยนตร์รวมมิตร Super Hero ตัวเองให้ถึงขั้นสุกงอมเต็มที่ เมื่อภาพยนตร์เข้าฉายจริง รายได้ของวันแรกย่อมมหาศาล จากนั้นก็แถลงข่าวทันทีว่ารายได้วันแรกของหนังตัวเองนั้นมหาศาล

เป็นการบิวด์ตอกย้ำรัวๆ ให้คนที่ไม่คิดจะไปชมต้องไปตีตั๋วชมในโรงภาพยนตร์ โดยภายในใจผู้ชมก็คืออยากไปดูให้เห็นกับตาว่าทำไมภาพยนตร์รวมมิตร Super Hero ถึง “ปัง” ขนาดนี้

อีกหนึ่งชั้นเชิงการตลาดที่อยู่หลังบ้านของ Marvel studio นั้นคือทีมแคสติ้งนักแสดงหาคนมาสวมบท Hero คนนั้นๆ

หากสังเกตการค้นหาดารามาสวมบท Super Hero แต่ละคนของ Marvel studio ไม่ได้พึ่งนักแสดงระดับแถวหน้าของ ฮอลลิวูด เลยสักครั้งแต่เลือกคนที่ใช่มีคาแรคเตอร์ที่ตรงกับที่วาดไว้ในจินตนาการ

Hero เกือบๆ 30 ชีวิตบนแผ่นฟิล์ม ต้องบอกว่ากลมกลืนจนคนทั่วโลกจดจำว่าดาราคนนั้นคือ Super Hero คนนี้ไม่ว่าจะเป็น “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” กับบท ไอออนแมน, “คริส เฮมส์เวิร์ท” กับบท ทอร์ เทพเจ้าสายฟ้า, “คริส อีแวนส์” กับบท กัปตัน อเมริกา, “สกาเล็ต โยฮันสัน” กับบท “แบล็ค วิโดว์” และอีกสารพัด Hero ที่ไม่ได้กล่าวในที่นี้

ถึงผลร้ายแรงของการใส่ภาพ Super Hero ให้กับเหล่าดาราจนคนทั่วโลกติดตาและจำฝังใจว่า ดาราคนนี้คือ Hero คนนี้ จะเป็นผลร้ายให้ผู้กำกับหนังหลายคนไม่กล้าจ้างไปเล่นภาพยนตร์รับบทอื่นๆ เพราะกลัวว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นจะเสี่ยงต่อการขาดทุน 

แต่ Marvel studio ก็ยอมที่จะจ่ายค่าเสียหายในเรื่องนี้ให้แก่ Super Hero ของตัวเองด้วยการเพิ่มค่าตัวให้แต่ละครั้งจนดาราที่รับบท Super Hero หลายคนติดอันดับนักแสดงฮอลลี่วูดที่มีค่าตัวแพงอันดับต้นๆ

จากวันนั้น…ถึงวันนี้ผ่านไป 10 ปีตั้งแต่เราได้รู้จัก Ironman Super Hero คนแรกของ Marvel studio บนแผ่นฟิล์มจนมาถึงวันนี้ Marvel studio มีหนัง Super Hero รวมกัน19 เรื่องผ่านคาแรคเตอร์ตัวละคร มากกว่า 30 ชีวิต

แต่รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบัน Marvel studio ถือลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนในคอมมิคที่มีอยู่ในมือเกือบๆ 5,000 คาแรคเตอร์เลยทีเดียว ตั้งแต่ตัวร้าย,สมุน,เพื่อน Super Hero และ Super Hero

Marvel studio ยังหากินกับ Super Hero ไปได้อีกนาน ถึงจะมีเสียง กระแหนะกระแหน จากผู้กำกับชื่อดังอย่าง “เจมส์ คาเมรอน” ว่าคนทั่วโลกกำลังกำลังเริ่มเป็นโรคเบื่อ Super Hero

ซึ่งถ้าใครเป็นประธาน Marvel studio คงต้องตอบคำถามประเด็นนี้ว่า

ให้ตัวเลขรายได้ภาพยนตร์แต่ละเรื่อง เป็นผู้ให้คำตอบน่าจะดีที่สุด     


อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer