หลังจากเผชิญความท้าทายและความผันผวนของเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนถึงตอนนี้แม้ฟ้าจะยังไม่สดใสเท่าไร แต่เหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างเริ่มขยับเดินหน้าลุยตลาดกันอีกครั้ง

หนึ่งในการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง คือ ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี และคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly Residences) อย่าง เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ MJD ภายใต้การนำของแม่ทัพหญิงสุดแกร่ง เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่เพิ่งโชว์วิสัยทัศน์ Lifescape Developer พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตในทุกบริบทให้ครอบคลุม

ด้วยการเดินหน้าเปิด 5 โครงการ มูลค่า 11,300 ล้านบาท พร้อมผุดแบรนด์เรือธง Malton Gates บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี กับแนวคิดที่ตอบโจทย์สุขภาพแบบองค์รวม ตั้งเป้ายอดขาย 7,500 ล้านบาท และเป้ารายได้ 8,000 ล้านบาท ปักหมุดอีก 5 ปี ปรับพอร์ต 20% สู่ธุรกิจใหม่ คาดนำร่องธุรกิจด้านสุขภาพและเทคโนโลยีปลายปี 2564

ก่อนพูดภาพรวมความเคลื่อนไหวของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ขอเล่าประวัติหัวเรือใหญ่อย่าง เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ให้ฟังคร่าว ๆ ก่อนว่ามีประสบการณ์ครํ่าหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มากแค่ไหน

ก่อนจะเข้ามาสั่งสมประสบการณ์ในสนามอสังหาฯ นี้ คุณเพชรลดาสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการตลาด และระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจสาขาการตลาดจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สเตท สหรัฐอเมริกา

ตลอด 20 ปีที่อยู่ในวงการเธอมุ่งมั่นบริหารองค์กรและปลุกปั้นเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ให้เป็นแบรนด์อสังหาฯ Top of Class ของไทย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ดีเธอได้พาองค์กรก้าวพ้นวิกฤตเศรษฐกิจต่าง ๆ จนในวันนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์กลายเป็น Lifescape Developer คือไม่ได้มองแค่การพัฒนาโครงการอย่างเดียว แต่เป็นการพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตที่ครอบคลุมทุกมิติ

ดังนั้น ภายใต้การนำทัพของ “เพชรลดา พูลวรลักษณ์” จากนี้ไปเราจะได้เห็น เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในมิติใหม่ที่ไม่ได้มีแค่ธุรกิจอสังหาฯ แต่ยังจะมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิต เช่น Health & Hygienic product, Fintech, Healthtech เป็นต้น เพื่อให้เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพการใช้ชีวิตของทุกคนได้แบบครบวงจร

นอกจากการกุมบังเหียนค่ายเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์นี้แล้ว เธอยังดูแลภาพรวมและขับเคลื่อนการดําเนินกิจการในทุก ๆ ธุรกิจของกลุ่มบริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์อย่างใกล้ชิด

มุ่งสู่การเป็น Lifescape Developer

ตลอดระยะเวลากว่า 22 ปีที่ก่อตั้งมา เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ต้องเผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจมาไม่น้อย แน่นอนว่ารวมถึงวิกฤตใหญ่ที่กระทบทุกอุตสาหกรรมอย่าง COVID-19 ในปีที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน ซึ่งการที่เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์สามารถดำเนินธุรกิจให้ก้าวผ่านอุปสรรคได้อย่างมั่นคง นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าตลาดลักชัวรียังคงแข็งแกร่งเสมอแม้ในยามวิกฤต

เพชรลดา กล่าวว่า “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้นำประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ในช่วงเวลาดังกล่าว ผสานเข้ากับวิสัยทัศน์ใหม่ที่จะไม่เป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Developer) แต่มุ่งสู่การเป็น ผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต หรือ Lifescape Developer เพื่อให้บริษัทเติบโตได้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม พร้อมสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ที่ยกระดับทุกมิติการใช้ชีวิตของผู้บริโภค

“ด้วย Warrior Mindset ที่ปลูกฝังกับทีมงานทุกคน ทำให้เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ยังคงยืนหยัดในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี แม้วันนี้ต้องเผชิญกับกระแสความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าจากการเป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต โดยไม่ทิ้ง Passion และ DNA ของบริษัท ที่มุ่งพัฒนาทุกโครงการให้เป็น Best in Class ทั้งด้านสินค้าและบริการ”

ภายใต้วิสัยทัศน์ Lifescape Developer ของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จะขับเคลื่อนด้านธุรกิจที่อยู่อาศัยด้วยความเชื่อมั่นผ่านแนวคิด Crafting Lifescape to Excellence ทั้ง 5 แกนหลัก คือ

1. Understanding Lifestyle เข้าใจการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ด้วยการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกบริบท

2Attention to Details ทุกรายละเอียดมีความหมาย ด้วยการใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อสะท้อนความเป็นลักชัวรีในทุกเซกเมนต์

3. Top-Notch Quality เรื่องคุณภาพสำคัญเป็นที่หนึ่ง ด้วยการจัดการด้านคุณภาพแบบครบวงจรตั้งแต่ก่อนการก่อสร้าง ไปจนกระทั่งหลังการส่งมอบโครงการ

4. Best Caring Service บริการด้วยหัวใจเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับลูกบ้าน  

5. Enduring Purpose คิดทุกมิติเพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน  

ภายใต้การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ทั้งสิ้น 7,500 ล้านบาท และสร้างรายได้รวม 8,000 ล้านบาท โดยมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นปี 2563 ทั้งหมด 6,400 ล้านบาท ที่จะช่วยให้รายได้มีโอกาสเป็นไปตามเป้า

ทั้งนี้ ภายในปี 2564 เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ยังเตรียมเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,300 ล้านบาท นำร่องด้วยบ้านเดี่ยวระดับเรือธง Malton Gates กรุงเทพกรีฑา มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดที่ตอบโจทย์สุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งร่วมพัฒนากับสถาบันชั้นนำด้านสุขภาพ (Wellness Institution) ซึ่งคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดของโครงการในเร็ว ๆ นี้

ยกระดับ Pet-Friendly Residences

เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly Residences) และยกระดับให้ตอบโจทย์คนรักสัตว์มากยิ่งขึ้น เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์จึงเพิ่มสิทธิพิเศษอย่าง Major Petscape ที่ครอบคลุมทั้ง 4 มิติ คือ

  1. ข้อปฏิบัติเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกัน (Petscape Guide)
  2. การออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Petscape Design)
  3. สิทธิพิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยง (Petscape Privilege)
  4. การสร้างชุมชนคนรักสัตว์ (Petscape Community)

ร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ อาทิ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ บ้านและสวน Pets และทิพยประกันภัย รวมถึงการพัฒนาช่องทางการให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า ผ่าน Major Contact Center, Major Exclusive Club และ Lifescape Application ทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยทีมบริหารงานนิติบุคคลแบบครบวงจรผ่าน บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด หรือ MDPC

ปักธง 5 ปี ปั้นธุรกิจใหม่เข้าพอร์ต 20%

นอกจากการเคลื่อนทัพในข้างต้นแล้ว เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ยังมองหาโอกาสสร้างรากฐานความแข็งแกร่งเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม โดยตั้งเป้าปรับตัวในช่วง 5 ปี (2564-2568) สร้างธุรกิจใหม่ในหลากหลายมิติเพิ่มเข้าไปในพอร์ตประมาณ 20% อย่าง

  • การเพิ่มพอร์ตสินค้าแนวราบ ปรับสัดส่วนการพัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบให้กลายเป็น 75:25
  • การกระจายพอร์ตธุรกิจ (Business Diversification) ทยอยกระจายรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Business) และธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ (Non-Real Estate Business) ให้มีสัดส่วน 80:20 ในปี 2568 โดยสัดส่วนดังกล่าวเน้นกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับภูมิทัศน์การใช้ชีวิต (Lifescape) ของผู้บริโภค

และในช่วงปลายปีนี้เราอาจได้เห็นการเริ่มบุกธุรกิจใหม่ในด้านสุขภาพ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย และด้านเทคโนโลยี นำร่องด้วยเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech), ด้านสุขภาพ (HealthTech) และด้านการเงิน (FinTech) โดยคาดว่า เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จะเปิดเผยรายละเอียดของธุรกิจอย่างชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 4/2564

เพชรลดา กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขายยังคงเป็นธุรกิจหลักของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในระยะยาว แต่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการจะเป็น Lifescape Developer ที่ดูแลครอบคลุมทุกมิติในการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เราจะพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องให้เป็น Future-Proof Company เป็นองค์กรที่มีพลวัต เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงพร้อมกับธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค”

นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตา เมื่อผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีเบอร์ต้น ๆ ของไทย ออกโรงลุยตลาดท่ามกลางความผันผวนที่ยังไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากจะสะท้อนความแข็งแกร่งของตัวองค์กรแล้ว ยังสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ในนาทีนี้เป็นอย่างดี

 –

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online