แม้อินเดียกำลังเผชิญการระบาดระลอกใหม่จนจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย แต่ความช่วยเหลือจากทั่วโลกก็เริ่มหลั่งไหลไปยังอินเดีย
ย้อนไปเมื่อปี 2020 ทั่วโลกต่างจับตาดูจีนด้วยความกังวลเพราะเป็นประเทศต้นตอการระบาดของโควิด-19 มาปีนี้เปลี่ยนมาเป็นอินเดีย เพราะเผชิญการระบาดระลอกใหม่และจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็นหลักแสนหลายวันติด ทั้งที่สถานการณ์กำลังดีขึ้นตามลำดับถึงขนาดที่ว่ารัฐบาลกำลังจะประกาศว่าเอาชนะโรคร้ายที่คุกคามประเทศได้แล้ว
มาวันนี้สถานการณ์ของอินเดียยังน่ากังวลโดยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศเพิ่มเป็น 17.6 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ในโลกรองจากสหรัฐฯ และมากเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย ท่ามกลางรายงานว่าอินเดียกำลังขาดแคลนเวชภัณฑ์อย่างหนัก และเตียงในโรงพยาบาลไม่พอรองรับผู้ป่วย
Narendra Modi
ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นจนต้องนำศพเผากลางแจ้งรวมกันในคราวเดียว ด้านนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ยอมรับว่าทั้งประเทศกำลังสั่นคลอนจากวิกฤต แต่อินเดียก็ไม่ได้ถูกปล่อยให้เผชิญวิกฤตอย่างสิ้นหวัง เพราะทั่วโลกกำลังยื่นมือเข้ามาช่วย

รัฐบาลสหรัฐฯ จะส่งวัคซีนต้านโควิดราว 60 ล้านโดสของบริษัท AstraZeneca พร้อมเวชภัณฑ์ ชุด PPE ชุดตรวจ Rapid Test และเครื่องช่วยหายใจไปให้
ขณะที่นักการเมือง นักธุรกิจ และชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย รวมถึงชาวอินเดียที่มาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เป็นเวลานาน นำโดย Sundar Pichai – CEO ของ Google ก็ร่วมระดมความช่วยเหลือ
Sundar Pichai
ด้านรัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศส ก็เร่งจัดส่งเครื่องช่วยหายใจและออกซิเจนเหลวจากการแพทย์ชุดใหญ่ไปให้
ฝ่ายปากีสถานประเทศเพื่อนบ้าน รับปากจะส่งเวชภัณฑ์ไปให้และลดความขัดแย้ง โดยนายกรัฐมนตรี Imran Khan ของปากีสถาน กล่าวว่านี่เป็นวิกฤตระดับโลกที่ทุกประเทศต้องหันมาช่วยอินเดีย

ส่วนสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ในอินเดียมาถึงจุดนี้ ไม่ต่างจากผู้ป่วยที่อาการกลับมาทรุดหนักและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เกิดจากระบบติดตามอาการและความเคลื่อนไหวของผู้ป่วยหรือที่เรียกกันติดปากว่า Timeline ล้มเหลว การกลายพันธุ์ของไวรัสในอินเดีย
ขณะที่รัฐบาลยังปล่อยให้ประชาชนรวมตัวทำกิจกรรมแทบทุกอย่างได้เหมือนสถานการณ์ปกติ
นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียยังอนุโลมให้ IPL ลีกคริกเกตระดับสูงสุดแข่งต่อแบบไร้ผู้ชมไปจนจบฤดูกาลแม้มีกระแสเรียกร้องเป็นวงกว้างให้หยุดแข่งไปก่อน โดยในจำนวนนี้หนังพิมพ์บางฉบับถึงขนาดงดรายงานข่าวลีกนี้ไปเลย
ฝ่ายที่ถูกโจมตีหนักสุดจากวิกฤตครั้งนี้คือรัฐบาลอินเดีย เพราะคิดไปเองว่าฐานะประเทศผลิตวัคซีนเบอร์ต้น ๆ ของโลก จะทำให้รับมือกับสถานการณ์ได้ไม่ว่าร้ายแรงแค่ไหน

และถูกแนวโน้มการระบาดที่ลดลงบังตาจนประมาทว่าโควิดสิ้นฤทธิ์แล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงยังมีบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและไทย ที่การ์ดตกหลังประมาทแบบเดียวกันจนสถานการณ์กลับมารุนแรงอีกครั้ง/cnn, bbc, theguardian, worldmeter


–
