การแพร่ระบาดของโควิด-19 เปลี่ยนพฤติกรรมของคนไปมากมาย ที่ใกล้ตัวที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับ “บ้าน” มากยิ่งขึ้นของสมาชิกทุก ๆ คนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น เด็กเล็กที่ต้องเรียนออนไลน์อยู่บ้าน รวมถึงพ่อ-แม่ที่ต้อง Work from Home แทนการออกไปทำงานปกติ
อย่างไรก็ดี หลายท่านอาจไม่ทราบว่าการอยู่อาศัยรวมกันภายในห้องที่ติดแอร์ ที่แม้จะเย็นสบายกายแต่จริง ๆ แล้วแฝงไปด้วยผลร้ายกว่าที่คิดมาก
เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิด “การสะสมของระดับคาร์บอนไดออกไซด์” (Co2) จากการหายใจของผู้อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะสูงเกินค่ามาตรฐานได้โดยไม่รู้ตัว
“แลนดี้ โฮม” ศูนย์รับสร้างบ้านชั้นนำของประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและได้ผุดไอเดียทำ Collaboration ร่วมกับ บริษัท แคพพลัส จำกัด (CAP+) นำเสนอเทคโนโลยี “เติมอากาศบริสุทธิ์ในบ้าน” ที่จะช่วยลดการสะสมของระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยให้ลูกค้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุก ๆ ด้านอย่างแท้จริง
แนวคิดและหลักการทำงานเป็นอย่างไร Marketeer พาไปชมพร้อมกัน
Co2 ภัยเงียบที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ข้อมูลที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่ แลนดี้ โฮม หยิบยกมานำเสนอคือ ผลวิจัยของ Harvard*(1) และข้อมูลของ รัฐบาลแคนนาดา*(2) ที่พบว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ที่สะสมสูงเกินไป (มากกว่า 1,000 PPM) อาจส่งผลกระทบต่อ “สมอง” ทำให้รู้สึกเวียนหัว อ่อนเพลีย ง่วงนอน กระบวนการการรับรู้ หรือ Cognitive Function ลดลง โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่อยู่ในวัยเรียนรู้ จะได้รับผลกระทบโดยตรงให้สมองสั่งการช้า ความคิดจะช้าลง
นอกจากนี้ ยังมีผลจากการทดลองระบุว่า ในห้องนอนที่ติดแอร์และมีพ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกัน อาจมีระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) สะสมได้เกือบถึง 2,000 PPM*(3) เลยทีเดียว (หมายเหตุ * ตอนท้ายบทความ)
นั่นเท่ากับว่า การอยู่กันในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเท จำนวนหลาย ๆ คน ส่งผลลบต่อร่างกายอย่างชัดเจน
“แอร์ x เครื่องกรองอากาศ” ไม่ได้ช่วยลดการสะสม Co2
มีความเข้าใจผิดว่า การติดตั้งเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ สามารถช่วยหมุนเวียนถ่ายเทอากาศบริสุทธิ์ แต่ในความเป็นจริงนั้น แอร์ทำหน้าที่เพียงแค่ช่วยทำความเย็นเท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่ถ่ายเทอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก
ขณะที่ เครื่องกรองอากาศ ที่แม้รุ่นใหม่ ๆ จะมากด้วยประสิทธิภาพ ทั้งกรองฝุ่น PM 2.5 กรองกลิ่น ไปจนถึงสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อากาศถูกถ่ายเท ไม่ได้ช่วยลดการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์แต่อย่างใด
อธิบายตามหลักการง่าย ๆ เหมือนเรากำลังนอนโดยที่ขาดออกซิเจนลงไปช้า ๆ คล้ายการนอนหลับในรถยนต์ (สตาร์ทเครื่อง+เปิดแอร์) แต่ที่ไม่รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตเพราะขนาดของห้องนั้นใหญ่กว่าขนาดของรถ สามารถสะสมอากาศไว้ได้มากกว่า
ทั้งนี้ในระหว่างที่เปิดประตูบ้านจะมีอากาศข้างนอกเข้ามาในตัวบ้านได้บ้าง แต่โดยส่วนใหญ่หากไม่ได้เปิดหน้าต่างบ่อย ๆ หรือไม่มีระบบการถ่ายเทอากาศที่ดี ในตัวห้องจะยังมีระดับออกซิเจนที่ไม่เพียงพอนั่นเอง
CAP+ เทคโนโลยีระบบเติมออกซิเจนบริสุทธ์ มาตรฐานระดับสากล
จากปัญหาดังกล่าวที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง แลนดี้ โฮม และ บริษัท แคพพลัส จำกัด ได้ร่วมกันศึกษาและสร้างสรรค์นวัตกรรม เทคโนโลยี CAP+ (Clean Air Positive Pressure) ระบบเติมออกซิเจนบริสุทธ์
โซลูชั่นใหม่ที่มาพร้อมคุณสมบัติโดดเด่น คือ ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และรักษาระดับก๊าซออกซิเจน (O2) ภายในบ้าน ภายใต้มาตรฐานระดับสากล ที่ผ่านการทดสอบวัดระดับคุณภาพอากาศจาก “เอสจีเอส” ผู้ชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบ วิเคราะห์ รับรองคุณภาพระบบ ชั้นนำระดับโลก
เทคโนโลยี CAP+ จะควบคุม “สมดุลอากาศ” เพื่อสร้างสภาวะที่เหมาะสมต่อพัฒนาการด้านสมองและการนอนหลับที่มีคุณภาพ พร้อมลดมลพิษ อันมีผลต่อระบบประสาทและสติปัญญา
ซึ่งแน่นอน หากร่างกายได้รับก๊าซออกซิเจนที่เพียงพอจะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย พร้อมเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองของเด็กที่อยู่ในวัยเรียนรู้
โดยเฉพาะการรักษาก๊าซออกซิเจนในห้องนอนให้คงที่และเหมาะสม ยังช่วยเพิ่มการหลับอย่างมีคุณภาพ ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนได้เต็มที่ เสริมสร้างการทำงานของระบบร่างกายทุกส่วน และการทำงานของระบบสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้หลับสบาย ตื่นมาสดชื่น ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยลดฝุ่น PM 2.5 พร้อมลดสารก่อโรคภูมิแพ้ สร้างสภาวะแรงดันบวก ป้องกันเชื้อและแบคทีเรีย ได้อีกด้วย
ดังนั้น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ที่ CAP+ พร้อมตอบโจทย์เป็นอย่างมาก ได้แก่ เด็กวัยเรียนรู้ คนเป็นภูมิแพ้ และผู้ที่มีปัญหาด้านการนอน นั่นเอง
“แลนดี้ โฮม” พร้อมตอบโจทย์ทุกเทรนด์ความต้องการใหม่ ๆ
เทคโนโลยี CAP+ นับเป็นการก้าวทันไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องอยู่บ้านมากขึ้นจากสถานการณ์การแพร่กระจายของโรค พร้อมตอบโจทย์เทรนด์การอยู่อาศัยในปัจจุบันที่ผู้คนให้ความสำคัญต่อการอยู่อาศัยภายในบ้านที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างสุขภาพและสุขอนามัยที่ดี
โดยกระบวนการกรองอากาศบริสุทธิ์พร้อมกับควบคุมคุณภาพอากาศดังกล่าว นับเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น แคนาดา และอีกหลากหลายประเทศในยุโรป
ในขณะที่ประเทศไทย แม้ก่อนหน้านี้จะยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก แต่ “แลนดี้ โฮม” ตั้งใจนำเสนอให้กับลูกค้า โดยหวังยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยของคนไทย ให้ลูกค้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุก ๆ ด้านอย่างแท้จริง
ส่งผลให้ CAP+ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งหากลูกค้าใช้บริการสร้างบ้านกับแลนดี้ โฮม จะได้รับเทคโนโลยีดังกล่าวติดตั้งไปพร้อมกับตัวบ้านทันที โดยจะมีการเดินระบบท่ออย่างเป็นระบบบริเวณพื้นที่เหนือฝ้า ซึ่งปัจุบัน CAP+ ได้ถูกต่อยอดพัฒนาให้มี Zeolite Filter อันมีคุณสมบัติลดสารก่อโรคภูมิแพ้ ดูดซับสารเคมีสังเคราะห์ ( Formaldehyde) และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) พร้อมสามารถควบคุมเครื่องผ่าน Mobile Application เพื่อความสะดวกสบายต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ซึ่งใส่ส่วนนี้เอง นับเป็นจุดเด่นที่ทำให้ “แลนดี้ โฮม” แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดรับสร้างบ้าน และสามารถดันยอดขายให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
และในอนาคต “แลนดี้ โฮม” ยังคงมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการอยู่อาศัย พร้อมคัดสรรวัสดุคุณภาพ ตลอดจนนำเสนอ “เทคโนโลยี Smart Living” ใหม่ ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในฟังก์ชันการอยู่อาศัย เพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้กับทุกครอบครัว ให้สามารถมีความสุขที่เหนือระดับกับ “บ้านจากแลนดี้ โฮม” ได้อย่างเต็มที่ ท่ามกลางพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันและอนาคต
ศึกษาข้อมูลเทคโนโลยี CAP+ เพิ่มเติมได้ที่ www.landyhome.co.th หรือ โทร. 02-938-3456
หมายเหตุ*
(1) Associations of Cognitive Function Scores with Carbon Dioxide, Ventilation, and Volatile Organic Compound Exposures in Office Workers:A Controlled Exposure Study of Green and Conventional Office Environments (Dash.harvard.edu)
(2) Consultation: Proposed Residential Indoor Air Quality Guidelines for Carbon Dioxide.>> https://bit.ly/3jtQTGn
(3) อ้างอิงจากผลการทดสอบวัดระดับ Co2 จากแลนดี้ โฮมในวันที่ 21.5.2020 โดยค่า Co2 สูงสุดที่วัดได้คือระดับ 1,866 ppm ผู้อยู่อาศัย 2 คน ขนาดพื้นที่ 20 ตารางเมตร)
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ