จีนออกมาแสดงความไม่พอใจต่อโครงการยักษ์ที่สหรัฐฯ เสนอขึ้นมาในการประชุมครั้งล่าสุดกับพันธมิตรสำคัญ โดยสถานทูตจีนในอังกฤษแถลงว่าการกำหนดทิศทางโลกโดยกลุ่มเล็กที่ประกอบไปด้วยไม่กี่ประเทศนั้นหมดยุคไปนานแล้ว แต่จีนเชื่อในความร่วมมือกัน ไม่ว่าประเทศนั้นจะเล็กหรือใหญ่ เข้มแข็งหรืออ่อนแอ และรวยหรือจน อย่างเท่าเทียมกันมากกว่า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณโดยตรงจากจีนว่าไม่พอใจอย่างมากที่สหรัฐฯ เสนอโครงการเศรษฐกิจขึ้นต้านอิทธิพลจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) ครั้งล่าสุดที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ซึ่งอังกฤษ แคนาดาและฝรั่งเศส เห็นด้วย
ประธานาธิบดี Joe Biden ในการประชุม G7
สำหรับโครงการนี้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ในยุคประธานาธิบดี Joe Biden ริเริ่ม เบื้องต้นใช้ชื่อว่า ซ้อมสร้างโลกให้กลับมาดีกว่าเดิม (Build Back Better for the World) โดยเป็นโครงการมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.1 ล้านล้านบาทขึ้นไป)
เน้นการผลิตที่พนักงานได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตามมาตรฐานและตามเกณฑ์ในการลดภาวะโลกร้อน และเน้นจับมือกับประเทศในระบอบประชาธิปไตย
ด้านจีนเห็นว่ากลุ่ม G7 โดยเฉพาะสหรัฐฯ ตั้งโครงการ Build Back Better for the World ขึ้นมาชนกับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) ที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2013 เพื่อเชื่อมโยง 70 ประเทศตั้งแต่เอเชีย แอฟริกา ไปจนถึงยุโรปเข้าด้วยกันผ่านถนนและเส้นทางเรือ
แม้จีนระบุว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ-การลงทุน แต่สหรัฐฯ เห็นว่าเป็นโครงการที่พร้อมเงินกู้ก้อนใหญ่ จนประเทศที่เข้าร่วมโดยเฉพาะประเทศที่เศรษฐกิจอ่อนแออาจติดกับดักหนี้และตกอยู่ใต้อิทธิพลจีน
โครงการ One Belt One Road ของจีน
ขณะเดียวกันจีนส่งสินค้าที่ผลิตจากจีนที่ส่งออกในโครงการนี้ยังมีการบังคับใช้แรงงานชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์อีกด้วย
เรื่องนี้ยังต้องติดตามต่อ เพราะมีขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ยุคประธานาธิบดี Joe Biden กำลังฟื้นฟูภาพลักษณ์ให้กลับมาดีขึ้นในสายตาประชาคมโลก ตรงข้ามกับยุคอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ที่เน้นผลประโยชน์ประเทศต้องมาก่อน
ทว่า Joe Biden ก็ใช้มาตรการเชิงรุกต่าง ๆ เพื่อลดการขาดดุลการค้าจีน แต่ไม่แสดงท่าทีรุนแรงเหมือนยุค Donald Trump
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยุค Joe Biden ยังทำตัวเป็นมหาอำนาจใจดี ยินดีช่วยมิตรประเทศและแก้ปัญหาประชาคมโลก พร้อมใช้การทูตรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และลดอิทธิพลจีน ยืนยันได้จากการทูตวัคซีน
โดยหลังจีนทั้งขายและบริจาควัคซีนต้านโควิดให้ต่างประเทศราว 500 ล้านโดส สหรัฐฯ ก็ ‘เกทับ’ ด้วยการประเดิมบริจาควัคซีนให้มิตรประเทศ 25 ล้านโดส ซึ่งเป็นล็อตแรกจากทั้งหมด 80 ล้านโดส
และล่าสุดประกาศก่อนการประชุม G7 ว่าจะบริจาควัคซีนเพิ่มอีก 500 ล้านโดสให้กลุ่มประเทศยากจน ซึ่งจังหวะเผยโครงการนี้ถือว่ามีนัยสำคัญเพราะช่วยทวงคืนตำแหน่งผู้นำโลกของสหรัฐฯ และยังเป็นการเปิดตัว Joe Biden ในการเดินทางไปภารกิจต่างประเทศครั้งแรกได้อย่างสมศักดิ์ศรีอีกด้วย/reuters, cnbc, theguardian
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ