เป็นอีกครั้งที่ Marketeer ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “เต็ดตรา แพ้ค” (Tetra Pak) ผู้นำด้านโซลูชั่นการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของโลก ที่จะมีอายุครบ 70 ปีในปีหน้า และเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศไทยกว่า 40 ปีแล้ว แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าทุกครั้ง เมื่อได้รับเกียรติจาก คุณรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ที่ก้าวขึ้นมารับช่วงต่อจาก มร. เบิร์ท ยาน โพสท์ นับเป็น “กรรมการผู้จัดการคนไทยคนแรก” ของ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะรับหน้าที่บริหารการดำเนินธุรกิจของเต็ดตรา แพ้ค ทั้งในประเทศไทย เมียนมา กัมพูชา และลาว เพื่อสานต่อการทำงานร่วมกันกับลูกค้า ซัปพลายเออร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งมอบอาหารที่ปลอดภัยไปยังทุก ๆ พื้นที่ทั่วประเทศ และสานต่อความมุ่งมั่นในคำมั่นสัญญาของเต็ดตรา แพ้ค ในการปกป้องทุกคุณค่า ปกป้องอาหาร ปกป้องผู้คน และปกป้องโลกของเรา
ประสบการณ์ 11 ปี กับ เต็ดตรา แพ้ค สู่บทบาทผู้นำคนใหม่
“ร่วมงานกับกลุ่มบริษัท เต็ดตรา แพ้ค ตั้งแต่ปี 2553 มีประสบการณ์ที่ครอบคลุมทั้งด้านการขายและการตลาดมากว่า 10 ปี จากการที่ได้รับโอกาสทำงานในตำแหน่งที่หลากหลายมาก่อนหน้านี้ และโดยเฉพาะในตำแหน่งระดับผู้บริหาร เช่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และผู้อำนวยการฝ่ายบริการงานการตลาดระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”
คุณรัตนศิริย้อนหลังถึงประสบการณ์ทำงานซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 ภายใต้ชายคาของกลุ่มบริษัทเต็ดตรา แพ้ค
ตำแหน่งล่าสุดในระดับสูงก่อนดำรงตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการ” คือ “ผู้อำนวยการฝ่ายบริการงานการตลาดระดับภูมิภาค ของเต็ดตรา แพ้ค ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” รับผิดชอบในการดูแลกิจกรรมทั้งด้านการตลาด การบริหารหมวดสินค้าและผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมกว่า 24 ประเทศ ได้แก่ มหานครจีน หรือ Greater China ที่ประกอบไปด้วย จีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน รวมไปถึงประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย
ซึ่งคุณรัตนศิริกล่าวว่าการได้ทำงานกับ เต็ดตรา แพ้ค ทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาค ทำให้มองเห็นภาพรวมของตลาดที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงเห็นโอกาสทางธุรกิจที่สามารถนำมาปรับใช้ในตำแหน่งนี้ได้ และยังช่วยเพิ่มโอกาสให้กับลูกค้าได้อีกด้วย
“จากประสบการณ์ที่ดูแลเรื่องของฝ่ายการตลาดมาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคอย่างเจาะลึก และการได้ดูแลในระดับภูมิภาคได้เห็นความต้องการและพัฒนาการของประเทศต่าง ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้และทำงานร่วมกับลูกค้าในประเทศไทยได้ในหลากหลายมิติ รวมถึงการนำเสนอมุมมองใหม่ ๆ และเสนอโอกาสในการขยายตลาดต่าง ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้มากขึ้นอีกด้วย”
สิ่งที่มองเห็นในฐานะที่เป็น “กรรมการผู้จัดการคนไทยคนแรก” คือการช่วยให้การทำงานกับลูกค้าใกล้ชิดมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสำคัญคือการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า ซึ่งคุณรัตนศิริมั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงเสริมความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เพราะความสำเร็จของลูกค้าคือสิ่งที่เรายึดถือเป็นหลักในการทำงานมาโดยตลอด
โดยเต็ดตรา แพ้ค เป็นผู้นำด้วยโซลูชั่นการแปรรูปอาหารและบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อปกป้องทั้งคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติของผลิตภัณฑ์ภายใน และยังมีมากกว่าบรรจุภัณฑ์ นั่นคือ นวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุ รวมไปถึงการดูแลด้านความปลอดภัยทางอาหาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นจุดแข็งของเต็ดตรา แพ้ค ที่ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มให้ความเชื่อถือ โดยเป็นซัปพลายเออร์ชั้นนำของโลกในด้านโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์และการจัดจำหน่าย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“พูดถึง เต็ดตรา แพ้ค คนจะนึกถึงเราในเรื่องของบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้วเรามี 3 ธุรกิจหลัก คือ โซลูชั่นกระบวนการผลิต บรรจุภัณฑ์ และบริการด้านเทคนิค และยังมีธุรกิจอย่างอื่นมากมายที่หลายคนยังไม่ทราบ เช่น การผลิตไอศกรีม ก็ตั้งเป้าจะขยายธุรกิจในส่วนอื่น ๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการแปรรูปอาหาร รวมถึงบรรจุภัณฑ์อาหารแบบกล่องที่จะมาแทนกระป๋องโลหะ ซึ่งตรงนี้คิดว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตและขยายธุรกิจของเราและลูกค้าได้อีกมาก”
คุณรัตนศิริให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ทุกประเทศมีโอกาสและความท้าทายเป็นของตัวเอง ซึ่งในฐานะนักการตลาดมองว่าคนไทยยังต้องการบรรจุภัณฑ์หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะมาตอบโจทย์ โดยความน่าสนใจของประเทศคือเรื่องของประชากร ทั้งประชากรเด็กที่มีจำนวนมาก ซึ่งยังต้องการนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการผลิตนมในรสสัมผัสต่างๆ เครื่องดื่มธัญพืช หรือ บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับการเก็บรักษาอาหาร เพื่อคงคุณค่าของอาหาร และในขณะเดียวกันก็ยังคงมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ที่ต้องการทั้งคุณค่าของอาหารที่มาเสริมสร้างสุขภาพ และบรรจุภัณฑ์ที่สะดวก เปิดได้ง่าย สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นโอกาสที่สามารถสร้างความท้าทายได้
มุ่งมั่นสานต่อคำมั่นสัญญาของแบรนด์ “ปกป้องทุกคุณค่า™“
ปกป้อง ทุกคุณค่า™ (PROTECTS WHAT’S GOOD™) เป็นหัวใจหลักของแบรนด์เต็ดตรา แพ้ค ในการปกป้องอาหาร ผู้คน และโลกของเรา และหนึ่งในกลยุทธ์หลัก 2030 ของเรา คือ ก้าวนำสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืน
ผู้นำคนใหม่กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของ เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) ที่เป็นไปตามคำมั่นสัญญาของบริษัท ที่จะทำให้อาหารปลอดภัยและมีอยู่พร้อมสำหรับการบริโภคในทุก ๆ ที่ทั่วโลก
“แม้การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะทำให้หลายคนรู้สึกวิตกกังวลอย่างมากในด้านสุขภาพและความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงความปลอดภัยทางอาหาร เต็ดตรา แพ้ค ยังคงยืนยันความมุ่งมั่นของเราที่จะทำให้อาหารปลอดภัย และมีพร้อมสำหรับการบริโภคในทุกที่ ด้วยการสนับสนุนด้านการผลิตแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่องให้แก่ลูกค้าของเราที่เป็นผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้ส่งถึงมือผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงไม่ขาดตอนและสร้างความมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารขั้นสูงสุด”
ซึ่งเรื่องของความปลอดภัยทางอาหาร ความมั่นคงทางอาหาร และการดูแลผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อมทั้งหมดคือเรื่องของ “ความยั่งยืน” ที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของเต็ดตรา แพ้ค ที่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่าหรือวงจรการผลิตทั้งหมด ด้วยการปกป้อง อาหาร ผู้คน และโลกของเรา มาโดยตลอด และจะดำเนินสืบต่อไปอย่างจริงจัง
“ขอยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นในการทำให้อาหารปลอดภัยและมีพร้อมบริโภคในทุก ๆ พื้นที่ ซึ่งหมายถึงการสร้างความมั่นใจว่าชุมชนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยได้ ตามคำมั่นสัญญาของแบรนด์ – ‘ปกป้องทุกคุณค่า™’ – เราจะปกป้องอาหาร ผู้คน และโลก เรายึดมั่นในสิ่งนี้และยืนยันว่าการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของเรายังคงแข็งแกร่งเช่นเคย”
เปิดแคมเปญ “Moving Food Forward” ปฏิวัติระบบอาหารทั่วโลก
ที่ผ่านมา เต็ดตรา แพ้ค ได้เปิดตัวแคมเปญระดับโลก “Moving Food Forward” ซึ่งเป็นแคมเปญสำคัญที่บอกถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่ต้องการนำความรู้ความสามารถขององค์กรในฐานะผู้นำด้านโซลูชั่นการแปรรูปอาหารและบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร มาร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในห่วงโซ่ระบบอาหารในการปฏิวัติวงการอุตสาหกรรม อาหารและเครื่องดื่ม
“Moving Food Forward เป็นแคมเปญที่เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการทำให้ระบบอาหารของโลกก้าวหน้าและยั่งยืน ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านการผลิตอาหาร และความร่วมมือของเรากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน ลูกค้าและซัปพลายเออร์ของเรา รวมถึงหน่วยงาน NGOs เราเชื่อว่า เราสามารถช่วยสร้างความแตกต่างที่แท้จริงให้กับวิธีการทำงานในปัจจุบันได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมุ่งมั่นที่จะทำให้อาหารปลอดภัยและพร้อมใช้งานในทุก ๆ พื้นที่ทั่วโลก”
ซึ่งจุดประสงค์หลักของแคมเปญนี้คือ ต้องการจัดการกับความท้าทายหลัก 3 ข้อ ที่เกิดขึ้นในระบบอาหารทั่วโลก ซึ่งได้แก่ การเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย ลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร และสร้างห่วงโซ่คุณค่าอาหารที่ยั่งยืน
“แคมเปญนี้ออกมาเพื่อมุ่งเป้าความท้าทาย 3 อย่างในวงการอาหาร 1. อาหารปลอดภัย ให้ผู้คนเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและทั่วถึง 2. การลดขยะอาหาร ในฐานะผู้เชี่ยวชาญการผลิตและบรรจุ เราจะเข้าไปช่วยลดขยะที่เกิดจากอาหาร ไม่ว่าจะเกิดจากการผลิตหรือการบริโภคก็ตาม และ 3. การผลิตที่ยั่งยืน เราจะสร้างห่วงโซ่อุปทานความยั่งยืน ตั้งแต่ต้นจนจบ จากผู้บริโภคไปถึงผู้ผลิต ซึ่งเราทำงานร่วมกับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องนี้ให้ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
เติบโตในหมวดอาหารด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย
สนับสนุนประเทศไทยในฐานะครัวของโลก
“เราวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปใช้ในอุตสาหกรรมในประเทศให้กว้างขึ้นสำหรับใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายประเภท ตั้งแต่ไอศกรีมและชีส ไปจนถึงผลไม้ ผัก และอาหารอื่น ๆ”
คุณรัตนศิริกล่าวถึงแผนการเติบโตในหมวดอาหาร ที่ เต็ดตรา แพ้ค มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ และอำนวยความสะดวกในการกระจายผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารและเครื่องดื่มไปยังผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งในแต่ละวัน น้ำ นม น้ำผลไม้ และอาหารเหลวอื่น ๆ จำนวนหลายล้านลิตรถูกผลิตและบรรจุในประเทศไทยโดยใช้เทคโนโลยีของ เต็ดตรา แพ้ค
“เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของเราสำหรับอนาคตในตลาดคือการขยายสถานะของเราให้ไกลกว่าเครื่องดื่มและอาหารเหลว เพื่อสนับสนุนประเทศไทยในฐานะครัวของโลก เราวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปใช้ในอุตสาหกรรมในท้องถิ่นให้กว้างขึ้นสำหรับใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายประเภท
เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยแบบครบวงจรและมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาที่พร้อมให้การสนับสนุนลูกค้าของเราอย่างเต็มที่ ด้วยประสบการณ์การดูแลด้านความปลอดภัยทางอาหารมานานเกือบ 70 ปี เรามั่นใจในการนำเสนอระบบการผลิตและบรรจุ รวมทั้งบรรจุภัณฑ์สำหรับเก็บรักษาอาหารและเครื่องดื่มอย่างปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการผลิตและบรรจุแบบปลอดเชื้อ ที่เต็ดตรา แพ้ค เป็นผู้บุกเบิก ซึ่งช่วยรับประกันว่าอาหารจะสะอาด ปราศจากเชื้อโรค และไม่เกิดการเน่าเสีย เก็บได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่ต้องแช่เย็น และไม่ต้องใช้สารกันบูด ความล้ำหน้าในด้านเทคโนโลยีการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารของเรายังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เราภูมิใจที่ได้มีส่วนในการส่งเสริมให้ผู้คนนับล้านสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่สะอาดและปลอดภัยได้อย่างสะดวกสบาย และสนับสนุนให้อาหารและเครื่องดื่มที่ผลิตจากประเทศไทย ได้ไปถึงมือผู้บริโภคทั่วโลก”
ทำหน้าที่ส่งมอบอาหารที่ปลอดภัยให้ดีที่สุด
พร้อมดูแลลูกค้า ซัปพลายเออร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
ในช่วงสุดท้ายของการสนทนา Marketeer ยิงคำถามว่า อะไรคือความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อ เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) ซึ่งคุณรัตนศิริตอบได้อย่างน่าสนใจว่า
“เราคิดว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมองหาแบรนด์ หรือผู้ผลิตที่สามารถแสดงจุดยืนทางความยั่งยืนได้อย่างชัดเจน รวมถึงความโปร่งใสในการผลิตสินค้าต่าง ๆ ที่สามารถตรวจสอบได้ เพราะผู้บริโภคมีความใส่ใจกับสิ่งที่พวกเขาบริโภคเข้าไปมากขึ้น เขาจึงคาดหวังว่าเราในฐานะผู้ผลิตคนหนึ่งควรจะช่วยส่งเสริม หรือให้ความรู้ในส่วนนี้ได้ เราจึงต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในการส่งมอบอาหารที่ปลอดภัยให้ถึงมือผู้บริโภคในทุก ๆ ที่ รวมทั้งดูแลเรื่องความปลอดภัยทางอาหาร ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และแน่นอน การทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบ”
สุดท้ายนี้ได้ฝากข้อความถึงลูกค้า ซัปพลายเออร์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้นำคนใหม่ว่า
“ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ให้กำลังใจ และการสนับสนุนกับเต็ดตรา แพ้คอย่างดีเสมอมา ในนามของบริษัทฯ เราขอสัญญาว่าจะทำงานอย่างตั้งใจ และจะยังยึดมั่นในคำมั่นสัญญาของแบรนด์ – ‘ปกป้องทุกคุณค่า™’ – ที่มุ่งมั่นในการทำให้อาหารปลอดภัย และมีพร้อมสำหรับการบริโภคในทุกที่ เราจะร่วมกับลูกค้า ซัปพลายเออร์ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปกป้องอาหาร ผู้คน และโลกของเราไปด้วยกัน”
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline
