คว่ำบาตรรัสเซีย หลังก่อสงครามกับยูเครนมีแบรนด์อะไรกันบ้าง ?
ตลอดเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล ผู้คน ภาคธุรกิจและบริษัทต่าง ๆ ต้องปรับตัวและรับมือวิกฤตโควิด ซึ่งมีทั้งล้มจนต้องตั้งตัวใหม่ ปรับตัวทันจนกลับมาเดินหน้าต่อไปได้ และที่โชคดีสถานการณ์เข้าข้าง ยังรุ่งอยู่มาถึงปัจจุบัน แต่ทุกแบรนด์ต่างก็ตระหนักถึงสัจธรรมของความไม่แน่นอน
มาปีนี้สถานการณ์โลกเปลี่ยนอีกครั้ง จากการใช้ไม้แข็งของรัสเซียต่อยูเครน โดยอุณหภูมิสถานการณ์ระอุขึ้นตามลำดับ จากแค่เตือน สู่การตรึงกำลังทหารบริเวณพรมแดนของแต่ละประเทศ จนที่สุดรัสเซียก็หมดความอดทน เปิดฉากบุกยูเครนที่มีสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และชาติพันธมิตรหนุนหลัง
ด้านเบอร์ใหญ่ในวงการและธุรกิจต่าง ๆ ก็จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยที่สุดก็เลือกทำตามเสียงของชาวโลกส่วนใหญ่ คือกดดันให้รัสเซียหยุดโจมตียูเครน ซึ่งสอดคล้องกับรัฐบาลของประเทศตนด้วย
มาดูกันว่าแบรนด์ใหญ่ของแต่ละประเทศ ซึ่งยังเป็นเบอร์ใหญ่ในธุรกิจของตนด้วย ใช้วิธีการใดในการคว่ำบาตรรัสเซีย
แบรนด์อเมริกันจัดหนัก บีบรัสเซียในหลายธุรกิจ
แม้ในปัจจุบันสถานะความเป็นชาติมหาอำนาจของสหรัฐฯ บนเวทีโลกสั่นคลอนไปไม่ใช่น้อยจากการขึ้นมาของจีน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรดา American Brand ก็ยังมีกระจายอยู่ในหลายธุรกิจ หลายอุตสาหกรรม และถ้าร่วมมือกัน ‘สั่งแบน’ ประเทศไหนขึ้นมา ย่อมส่งผลมหาศาล ไม่ต่างจากการผนึกกำลังกันของทีม Avengers เลยทีเดียว
ในวิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครน ครั้งนี้ แบรนด์อเมริกัน ที่มีส่วนสำคัญของความมั่นคง ต่างตัดสินใจใช้ไม้แข็งกับรัฐบาลของประธานาธิบดี Vladimir Putin โดย ExxonMobil ประกาศถอนตัวจากโครงการน้ำมันในรัสเซีย ส่วน Boeing ระงับการส่งอะไหล่อากาศยานและเครื่องบินให้สายการบินรัสเซีย
ส่วน Google ปิดกั้นการค้นหาข่าวจากสำนักข่าว RT ของรัฐบาลรัสเซีย โดยความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะกระทบต่อพลังงานพร้อมตัดรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และลดความสามารถทางอากาศยาน รวมไปถึงสกัดไม่ให้ข้อมูลข่าวสารจากฝั่งรัฐบาลรัสเซียเล็ดลอดออกไป
ฝ่าย Disney และ Warner ก็คว่ำบาตรด้วย โดยได้สั่งระงับการฉายภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ในไตรมาสแรก อย่าง Morbius และ The Batman
ส่วน Netflix ก็สั่งระงับโปรเจกต์หนังและซีรีส์รัสเซีย ด้านค่ายเกม EA ทำให้รัสเซียหายไปจากเกมดัง ด้วยการถอดฟุตบอลทีมชาติรัสเซียและสโมสรฟุตบอลประเทศเดียวกันออกจากเกม FIFA 22
แบรนด์อังกฤษ & ฝรั่งเศสตัดท่อน้ำเลี้ยงพลังงาน และหันหลังให้เศรษฐี “หมีขาว”
อังกฤษเป็นอีกประเทศที่ใช้มาตรการแข็งกร้าวกับรัสเซีย โดยแบรนด์ใหญ่แบรนด์ดัง “แดนผู้ดี” ก็ใช้ไม้แข็งกับรัสเซียเช่นเดียวกับรัฐบาล
BP ถอนหุ้นเกือบ 20% คิดเป็นมูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 458,000 ล้านบาท) จาก Rosneft หนึ่งในบริษัทน้ำมันใหญ่ของรัสเซีย
ส่วนแบรนด์ดังอังกฤษในวงการรถหรูอย่าง Jaguar, Aston Martin และ Rolls-Royce ก็ระงับการส่งออกไปรัสเซีย ด้าน TotalEnergies บริษัทพลังงานฝรั่งเศส แม้ไม่ตัดขาดกับรัสเซีย แต่ก็เว้นระยะห่าง ด้วยการไม่เดินหน้าโครงการใหม่
แบรนด์ดังใน EU ก็ร่วม คว่ำบาตรรัสเซีย ด้วย
หลังถูกจับตามองจากประชาคมและโลกและกดดันจากยูเครนว่าจะทำอย่างไรกับวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ที่สุดสหภาพยุโรป (EU) ก็ยื่นมือไปช่วยยูเครน ผ่านการสนับสนุนในหลายด้าน ตั้งแต่มนุษยธรรมไปถึงการทหาร ขณะเดียวก็ประณามรัสเซีย ส่วนแบรนด์ใหญ่ของบรรดาชาติสมาชิกก็เคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน
Adidas–Sport Brand เบอร์ต้น ๆ ของโลกสัญชาติเยอรมัน ตัดความร่วมมือกับสมาคมฟุตบอลรัสเซีย ด้าน Maersk บริษัทขนส่งทางเรือยักษ์ใหญ่ของเดนมาร์ก สั่งระงับการส่งสินค้าเข้าไปยังรัสเซียชั่วคราว ยกเว้นอาหาร และเวชภัณฑ์
ขณะที่ Spotify ค่าย Music Streaming ยอดฮิตสัญชาติสวีเดน ปิดสำนักงานในรัสเซีย และถอดคอนเทนต์ของสำนักข่าวรัฐบาลรัสเซียออกจากแพลตฟอร์ม
มีการประเมินว่ามาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดจากทั้งรัฐบาลและบริษัทใหญ่ ๆ ของสหรัฐฯ กับยุโรป และชาติพันธมิตร จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐบาลรัสเซีย รวมไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวรัสเซีย และจะทำให้ปีนี้เศรษฐกิจรัสเซีย หดตัว 7%/theguardain, bbc, reuters, aljazeera, cnn, skynews
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



