สิ่งแรกที่เราทำในตอนเช้าคือ “เช็ก Social”
เราเติมสาร Dopamine ให้สมองตั้งแต่แวบแรกที่ตื่นจนร่างกายเราชินไปแล้ว ถึงขั้นที่เรานึกไม่ออกเลยว่าเราจะไม่เช็กมือถือได้ด้วยหรือ เราจะพลาดอะไรไปไหม?
กว่าจะรู้ตัวอีกที พฤติกรรมการเช็ก Social แต่เช้าทำลายชีวิตเราไปแล้ว ระดับความเครียดพุ่งสูงปรี๊ด Social ดึงความสนใจเราไปหมด แทนที่จะใช้เวลาช่วงเช้าในการเติมพลังให้ชีวิต เรากลับยอมหยิบยื่นพลังนั้นให้มือถือไปหมด
ผลจากการเลิกเช็กมือถือตอนเช้า
เราเริ่มจากอยากทำการทดลองก่อน
Life Coach ของเราท้าให้เราลองเลิกอะไรบางอย่าง เป็นเวลา 1 เดือน เราก็ลังเลอยู่นานว่าจะเลือกอะไรดี ระหว่าง “แป้ง หรือ Social ในตอนเช้า” สุดท้ายเราตัดสินใจเลือกอย่างหลัง
ตอนนี้ผ่านมา 366 วันแล้ว (และยังดำเนินต่อไป) เราไม่คิดจะกลับไปเช็ก Social ในตอนเช้าอีกเลย จากแค่เป็นการทดลองเล่น ๆ กลายมาเป็น “นิสัย” ที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล
Productivity ดึขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
วันแรกของการทดลอง เราทำ To-Do List เสร็จทั้งหมด ภายใน 11 โมงเช้า เราจำได้เลยว่าเรานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน และ อึ้ง ๆ “โห!! เป็นไปได้จริงหรือนี่” เรานั่งนึก ๆ ดู มีสองอย่างที่เป็นตัวดูดเวลาของเราไป
ขอดูแป๊บหนึ่ง: เรามักจะไถมือถือตอนที่ตื่นขึ้นมา เรามักคิดว่า “ดูแป๊บหนึ่ง” แต่กลายเป็นเวลาหายไปครึ่งชั่วโมง แม้ว่าเราจะตื่นเช้า แต่กว่าจะเริ่มวันก็สายแล้ว
ขอชิวนิดหนึ่ง: พอเราเริ่มทำงานก็มักจะมีสิ่งที่ยาก และไม่อยากทำ เช่น To-Do List อันยาวเหยียด ไลน์สั่งงานอันน่าเบื่อ หรือ หัวตื้อตัน เมื่อเราเริ่มเครียดเรามักคิดว่า ดู Social สักนิดหนึ่ง แค่ให้สบายใจ
สุดท้ายกลายเป็นวงจรอุบาทว์ สลับงาน กับ Social ไปมา ทำเราไม่จดจ่อ และไม่ยอมทำใจทำงานยาก ๆ สักที สุดท้ายพองานไม่เสร็จความเครียดก็ตามมา
ตัด Social ออกไป ก็เป็นการตัดวงจรอุบาทว์นั่นเอง
อย่างตอนที่เราเริ่มเขียนบทความนี้เรารู้สึกตัน ๆ ปกติเวลาเขียนไม่ออก เราจะไถ Twitter ผ่านไป 20 นาทีมีเรื่องมากมายในหัวเต็มไปหมด แถมบทความก็ไม่ได้เริ่มเขียนอีก แต่พอเริ่มการทดลองเลิกดู Social ก่อนเที่ยง เท่ากับว่าเราเปิดดู Social ไม่ได้ ทำให้เราบังคับตัวเองให้ให้เขียน ๆ ไป จนสุดท้ายรู้ตัวอีกทีหัวไม่ตันแล้ว แถมบทความก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
เรากลายเป็นคน สร้าง Content มากกว่า เสพ Content
เมื่อเราดู Social แต่เช้า เท่ากับเรายอมให้มือถือป้อนข้อมูลเข้าสมอง อาจจะเป็นข่าวดาราเลิกกัน, โฆษณา McDonald’s หรือ ตอบ Comment ใครก็ไม่รู้
แต่เราอยากเป็นคนสร้างมากกว่าเป็นคนเสพไหมล่ะ?
การเลิก Social ในตอนเช้าทำให้เรามีเวลาในการทำ Project อื่น ๆ มีจินตนาการเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น เพราะคนเราทำงานใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้ดีในตอนเช้า เราได้ทำสิ่งที่อยากทำมานาน เช่น ทำเว็บไซต์ หรือ เขียนหนังสือเล่มใหม่
เรารู้ตัวมากขึ้นเวลามีความคิดแย่ ๆ เข้ามาในหัว
ช่วงที่ทำการทดลองเราแอบหวังไว้ว่าเราจะ Creative และ Productive มากขึ้น แต่เราไม่ได้คาดหวังว่าการทดลองนี้จะช่วยให้เรารู้เท่าทันความรู้สึกตัวเองมากขึ้นไปด้วย
เราแบ่งวันของเราเป็นสองช่วง ช่วงเช้าไม่มี Social และช่วงบ่าย มี Social ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างสองช่วงได้อย่างชัดเจนมาก ความเครียดวิตกกังวล ความคิดว่าตัวเองไม่เก่งพอ ไม่ดีพอ หรือ Impostor Syndrome มักมาในช่วงบ่าย
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตเรา เช้าวันหนึ่งเราทำ Session ถามตอบสำหรับนักเขียน Freelance ซึ่งเป็นงานที่ได้เงินจากการพูดงานแรกในชีวิต!! เรารู้สึกตื่นเต้น และดีใจมาก
หลังจากจบ Session เราไถดู Instagram เจอนักเขียนอีกคนที่พูดงานเดียวกับเรา แต่มีคนดูมากกว่าเราถึง 2 เท่า เราก็เริ่มคิดว่า “อ้าว เราก็ไม่เจ๋งเท่าไรนี่นา” แต่เราเริ่มจับความรู้สึกตัวเองได้ ก่อนหน้านี้เราเพิ่งจะรู้สึก ตื่นเต้น ดีใจสุด ๆ แต่ตอนนี้เรากลับรู้สึกแย่ อะไรที่เปลี่ยนความรู้สึกเรานะ
แน่นอน Social Media นี่เอง
วิธีสร้างนิสัยเลิกดู Social ในตอนเช้า
- หาอะไรอย่างอื่นทำ แทนการเช็ก Social
เราไม่ได้ชีวิตใหม่โดยทันที เพียงแค่เลิกเช็ก Instagram ในตอนเช้าแค่นั้น เราต้องหาด้วยว่าเราจะใช้ประโยชน์จากเวลาที่เราได้เพิ่มขึ้นมานั้นอย่างไร ถ้าไม่หากิจกรรมอื่นมาทดแทนเราจะรู้สึกอยู่ไม่สุข และกลับไปทำพฤติกรรมเดิม ๆ เรามีตัวช่วยดี ๆ ตาม Link นี้ไปได้เลย zapier.com (พักเบรก 15 นาทีแบบไม่ก้มหน้าดูจอ)
สำหรับเรา เราใช้เวลาที่ได้เพิ่มขึ้นมานี้ในการจดบันทึก นั่งสมาธิสั้น ๆ สัก 10 นาที จากนั้นก็เริ่มลงมือทำงาน
- หาอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเดิมพัน
เรารู้ตัวเองดีว่าเราทำการทดลองนี้ไม่รอดแน่ ๆ ถ้าไม่มีอะไรมาเดิมพัน เราสัญญากับน้องสาวว่า ถ้าเราทำการทดลองเลิก Social ในตอนเช้าเป็นเวลา 30 วัน ไม่สำเร็จ เราจะให้เงินน้อง 3,000 บาท
- ตั้งกฎให้ชัด ๆ ไปเลย
อย่าตั้งกฎแบบลอย ๆ อย่าง “ไม่เช็ก Social ในตอนเช้า” ต้องใส่รายละเอียดให้ชัดเจน
- เมื่อไหร่ เวลาเช้าของเราคือกี่โมง 11 โมง หรือ เที่ยงตรง
- นานเท่าไร เราจะทำการทดลองนี้นานเท่าไร 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน
- อะไร อะไรที่เราจะไม่เช็กบ้าง อย่าง LinkedIn ที่เกี่ยวกับงานนับด้วยไหม
อย่างเรา เรายังเช็ก E-Mail, LinkedIn และ Medium อยู่ในตอนเช้า ตั้งเป้าหมายให้ชัด ๆ เราจะได้วัดผลได้ถูกต้อง หรือจะได้ไม่รู้สึกถอดใจถ้าทำไม่ได้ตามนั้น
- สร้างบรรยากาศให้เอื้อแก่การเลิกเช็ก Social
เอาจริง ๆ ทุกวันนี้โทรศัพท์แทบจะเป็นอีกอวัยวะหนึ่งของร่างกายไปแล้ว เราต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำอะไรบ้างแหละ แล้วเราจะรู้สึก “เห้ยย ขอแค่แป๊บหนึ่งน่า” เราจะต้องจัดการสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างนิสัยใหม่ด้วยเช่นกัน
- ตั้งโหมด Do Not Disturb ไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน จะได้ไม่ตื่นมาเห็น Notification ยาวเหยียด
- หรือถ้าทำได้ เลิก ปิด Notification ของ Social Media ไปเลย เชื่อเถอะว่าเราไม่ได้พลาดอะไรไปมากขนาดนั้นหรอก
- ลอง App ที่ช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้นดูสิ ตาม Link นี้ไปได้เลย zapier.com (7 App ที่ดีที่สุดที่ช่วยให้เราจดจ่อได้มากขึ้น)
ที่เราทำมา 1 ปี เอาจริง ๆ เราก็มีหลุด ๆ บ้างนะ เช่น เช็ก Snapchat หลังนั่งสมาธิแทนที่จะเริ่มทำงาน หรือแอบดู Instagram ระหว่างแก้บทความ
แม้ว่าจะมีหลุดบ้างในบางวัน แต่การเลิก Social ในตอนเช้าก็ช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้ดียิ่งขึ้น และ รู้สึกเป็นสุขมากขึ้นในโลกอันวุ่นวายใบนี้
ที่มา: fastcompany.com
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



