แถลงข่าวเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย สำหรับโครงการ “คลองท่อมเฮอริเทจ” (Klongtom Heritage) บนพื้นที่ธรรมชาติ 300 ไร่ ในจังหวัดกระบี่ โดยชูจุดขาย เมืองสุขภาพแห่งใหม่ ด้วยความมหัศจรรย์จาก “น้ำพุร้อนเค็ม” ทรัพย์ใต้ดินจากธรรมชาติ และระบบนิเวศที่สมบูรณ์ พร้อมให้เป็นจุดมุ่งหมายใหม่ของผู้รักสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลก
รายละเอียดของโครงการมีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ ซึ่ง Marketeer ได้รับเกียรติจาก คุณวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท คลองท่อมเฮอริเทจ จำกัด มาให้ข้อมูลถึงแนวคิดการสร้างสรรค์ Word Health Destination แห่งใหม่มูลค่ากว่า 13,700 ล้านบาทแห่งนี้
“น้ำพุร้อนเค็ม” เพชรยอดมงกุฎจากทรัพย์ใต้ดิน หนึ่งเดียวในโลก
นอกจากความสวยงามของท้องทะเลแล้ว “กระบี่” ยังมีเพชรยอดมงกุฎจากทรัพย์ใต้ดินที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกนั่นก็คือ “น้ำพุร้อนเค็ม” ที่อำเภอคลองท่อม ซึ่งเกิดจากน้ำทะเลที่ซึมลงชั้นใต้ดิน ผ่านชั้นหิน ในระดับความลึกที่มีแร่ธาตุมากมาย ทำให้น้ำที่นี่มีคุณสมบัติโดดเด่น มีรสชาติเหมือนน้ำเกลืออ่อนๆ ไม่เค็มเหมือนน้ำทะเล และไม่มีกลิ่นกำมะถันที่แรงเกินไป และอุณหภูมิเหมาะสม ที่สำคัญคือ อุดมด้วยแร่ธาตุหลักคือ โซเดียม คลอไรด์ และแร่ธาตุอื่น ๆ อาทิ ซิลิกา โพแทสเซียม แมกนีเซียม คาร์บอเนต โดยมีค่าแร่ธาตุรวมที่มีประโยชน์หรือ TDS อยู่ที่ 11,690 ในปริมาณที่สูงกว่าค่ามาตรฐานทั่วไปที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ระดับ 1,000 – 2,000 เท่านั้น
ซึ่งน้ำพุร้อนเค็มที่คลองท่อมมีคุณสมบัติโดดเด่นคือ ช่วยเรื่องการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดความดันโลหิต ลดการอักเสบของข้อ เบาหวาน นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นระบบประสาท การย่อย และโรคทางผิวหนัง ปัจจุบันได้เริ่มมีแพทย์ทางเลือกนำน้ำพุร้อนเค็มมาช่วยเสริมการแพทย์สมัยใหม่ โดยมีนักกายภาพ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และแพทย์เฉพาะทางมาออกแบบการรักษาผู้ป่วยโรคต่าง ๆ กันมากขึ้น
“การแพทย์สมัยใหม่ x น้ำพุร้อนเค็ม” แห่งแรกของโลก
“แต่เดิมชาวบ้านจะลงอาบแช่ในบ่อน้ำพุร้อนเค็มที่คลองท่อมตามธรรมชาติแบบวิถีชุมชนดั้งเดิม และเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาใช้บริการกันเป็นจำนวนมากถึงปีละกว่า 100,000 คน ภาครัฐจึงได้มาดูแลให้การอาบแช่มีมาตรฐานมากขึ้น อย่างไรก็ดี ผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังมองหาการอาบแช่ที่สะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
จุดนี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการคลองท่อมเฮอริเทจ บนพื้นที่ประมาณ 300 ไร่ โดยนำคุณประโยชน์อันมหาศาลของน้ำพุร้อนเค็มมาต่อยอดประยุกต์ใช้ร่วมกับการแพทย์สมัยใหม่ ผนวกกับการบริการมาตรฐานระดับโลก เพื่อช่วยในการฟื้นฟูและบำบัดผู้ที่มีปัญหา รวมถึงคนทั่วไปที่สนใจรักษาสุขภาพและต้องการใช้ชีวิตอย่างสมดุล มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายเพิ่มยิ่งขึ้น”


คุณวิชัย เล่าย้อนจุดเริ่มต้นโครงการ ซึ่งต้องการยกระดับให้มหัศจรรย์จากใต้ดินมีมูลค่ายิ่งขึ้น ซึ่ง “คลองท่อมเฮอริเทจ” ถือเป็นแห่งแรกที่นำน้ำพุร้อนเค็มมาออกแบบเป็นโปรแกรมการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพด้วยศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีการผนวกเข้ากับการบริการด้านเวลเนสมาตรฐานสากลเต็มรูปแบบ
โดยออกแบบองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในโครงการด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อจะรักษาความอุดมสมบูรณ์ และบริหารทรัพย์ในดินให้อยู่เคียงคู่กับชุมชน เพื่อให้ “คลองท่อมเฮอริเทจ” เป็นเมืองแห่งสุขภาพระดับโลกสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และทำให้ อ. คลองท่อม จ. กระบี่ กลายเป็นจุดหมายใหม่ของ World Health Destination
“แนวคิดหลักของโครงการเริ่มจาก DNA คือ Health, Community และ Sustainability เพราะเรามีจุดมุ่งหมายที่อยากให้ทุกคนมีสุขภาพและสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน โดยเรากำลังพัฒนาการวางผังโครงการ และแบ่งโซนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนผู้ป่วย โซนคนพึ่งพา โซนคนไม่ต้องพึ่งพา โซนคนวัยเกษียณ หรือโซนคนก่อนเกษียณ”
คุณวิชัยบอกถึง DNA ของการดำเนินโครงการ “คลองท่อมเฮอริเทจ” ซึ่งยึดถือในเรื่องของ Health, Community และ Sustainability เป็นแกนสำคัญเพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพและสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน
พร้อมเปิดรับ Investors และ Operators ทั้งไทยและต่างชาติ
แผนผังของโครงการ “คลองท่อมเฮอริเทจ” นั้นประกอบด้วย 10 โซน ได้แก่
- Community Market
- Hotel
- Town Center
- Sport Enhancement
- Spa Medical
- Agriculture
- Branded Residences
- Resort Residences
- Amataya Residence
- Amataya Rehabilitation Hospital
โดยทั้ง 10 โซนนี้จะแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 6 เฟส ดังนี้
- เฟส 1 : Amataya Wellness ประกอบด้วย 3 ส่วนย่อย คือ Amataya Rehabilitation Hospital / Amataya Holistic Treatment และ Amataya Residence เริ่มเปิดให้บริการเดือนมิถุนายนนี้
- เฟส 2 : Community Market / Hotel /Town Center เปิดให้บริการปี 2024
- เฟส 3 : Spa Medical เปิดให้บริการปี 2025
- เฟส 4 : Branded Residences เปิดให้บริการปี 2026
- เฟส 5 : Sport Enhancement เปิดให้บริการปี 2027
- เฟส 6 : Resort Residences เปิดให้บริการปี 2028 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงาน “Phuket Expo 2028” ที่กำหนดให้เป็นงานใหญ่ด้านเวลเนสของโลกที่จะมีผู้เข้าร่วมงานมาจากทั่วทุกมุมโลก
โดย “เฟส 1 : Amataya Wellness” ที่จะเปิดให้บริการกลางปีนี้ ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของโครงการคลองท่อมเฮอริเทจ ที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของน้ำพุร้อนเค็มอย่างชัดเจนก่อนที่โครงการในเฟสอื่น ๆ จะทยอยตามมา
“Amataya Wellness ถือเป็นหัวรถจักรสำคัญของโครงการ เพราะเรามีทั้งโรงพยาบาลกายภาพบำบัดและฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยโรคสโตรก และการให้บริการด้วยการดูแลแบบองค์รวมสำหรับผู้รักสุขภาพโดยใช้น้ำพุร้อนเค็ม โดยเรามีพันธมิตรที่ดีอย่างโรงพยาบาลทีอาร์พีเอช (TRPH) โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง Ishii และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Bangkok Healthcare Service (BHS) เข้ามาช่วยบริหารจัดการในส่วนนี้
อีกทั้งยังมีโครงการที่พักอาศัยที่ออกแบบผสมผสานการใช้ชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติมาพร้อมกับบ่อน้ำพุร้อนเค็มทุกหลัง เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้คุณได้ทุกวัน”
ประธานกรรมการ คลองท่อมเฮอริเทจ เพิ่มเติมว่า ทั้ง 10 โซนและ 6 เฟสนี้ ยินดีเปิดรับทั้ง Investors และ Operators ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ ความสามารถ และเป็นผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ทางด้านสุขภาพ ที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันมาร่วมพัฒนาและปักหมุดให้พื้นที่แห่งนี้มีกิจกรรมรองรับผู้รักสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อให้กลายเป็นเมืองสุขภาพระดับโลกไปด้วยกัน
พร้อมขับเคลื่อนให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ติด 1 ใน 5 ของโลก มูลค่าตลาดของ Wellness Tourism ของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าในปี 2565 หลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย จะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งกลุ่ม Medical Tourism และ Health and Wellness Tourism มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ครั้ง ดังนั้นการส่งเสริมและขยายการท่องเที่ยวในกลุ่มนี้จะเป็นส่วนที่สร้างรายได้ให้มีเสถียรภาพ และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับนานาชาติได้อย่างแน่นอน
คุณวิชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า
“เมื่อ ‘คลองท่อมเฮอริเทจ’ เปิดให้บริการแล้ว มั่นใจว่าภาพของ จ. กระบี่ จะเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนสำคัญของการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor : AWC) ได้อย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น และก้าวสู่ Word Health Destination แห่งใหม่อย่างแน่นอน”
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co / Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

