จากแบรนด์สมาร์ทโฟนไร้อันดับในปี 2558 ได้ หัวเว่ยขึ้นแท่นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับสามของโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาด 10.2% และในระหว่างเดือนมีนาคม 2558-พฤศจิกายน 2558 หัวเว่ยยังเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนอันดับ1 ของจีน(ข้อมูลจาก GFK เดือนธันวาคม 2015)
ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสเนส กรุ๊ป มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างมาก ในปี 2558 โดยมีการเติบโตถึง 72% จากปีก่อน และอัตราการรับรู้ต่อแบรนด์หัวเว่ยทั่วโลกในปี 2558 พัฒนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สามารถบ่งชี้ถึงการเติบโตของบริษัทได้เป็นอย่างดี โดยเพิ่มขึ้นจาก 65% ในปี 2557 เป็น 76% ในปี 2558 ซึ่งเข้าถึงเกือบ 60% ของบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงพม่าที่มีอัตราการรับรู้ที่ 100% และ ไทย กับศรีลังกา ที่มีอัตราการรับรู้อยู่ที่ 60%
เป้าหมายของหัวเว่ย ไม่ใช่แค่เพียงเบอร์ 3 แต่ต้องชนะ  Samsung, Apple   เพื่อครองโลกของสมาร์ทโฟนให้ได้ด้วย

2 Key Success สำคัญ Innovation  +  Culture
มร. โทมัส หลิว ประธานบริหาร กลุ่มคอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป หัวเว่ย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ให้สัมภาษณ์กับ Marketeer  โดยสรุปปัจจัยสำคัญของความสำเร็จไว้อย่างน่าสนใจใน 2เรื่องหลักคือ
1.Innovation Modelคือการรวบรวมความรอบรู้จากทั่วทุกมุมโลกก่อให้เกิดโมเดลการดำเนินงานที่ได้ประสิทธิภาพที่สุด
“การพัฒนาอย่างรวดเร็วของแบรนด์หัวเว่ยตั้งอยู่บนโมเดลทางธุรกิจที่มีเอกลักษณ์ขององค์กร ชื่อว่า“Global Innovation Hive”ซึ่งเป็นโมเดลสำหรับการดำเนินงานของทีมงานทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการใช้ปัญญาจากความร่วมมือ (Collective Intelligence) ในการนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ การสร้างความแตกต่าง และการสร้างความสอดคล้องเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนของธุรกิจ”
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น โทมัสอธิบายว่า ตัวอย่างของ “Global Innovation Hive”  ประกอบไปด้วย
1.Employee stock ownership plan (ESOP): 98.6% ของหุ้นนั้น ถูกถือครองโดยพนักงาน
2.Rotating CEOs: ผู้บริหาร 3 ท่าน จะผลัดกันทำหน้าที่หมุนเวียนกับดำรงตำแหน่ง CEO กันคนละ 6 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดระบบผู้นำเผด็จการ หรือการควบรวมการตัดสินใจโดยผู้บริหารระดับสูง
3.มีศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D) 16 แห่งทั่วโลกสร้างขึ้นเพื่อรวบรวมผู้ที่มีความสามารถระดับโลกเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมของบริษัท โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ลงทุนด้านการ R&Dไปทั้งสิ้น 37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในปี 2557 หัวเว่ยยังเป็นบริษัทที่ถือครองสิทธิบัตรนวัตกรรมมากที่สุดในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในบริษัทที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรมากที่สุด 50 อันดับแรกในสหรัฐอเมริกา และ 10 อันดับแรกในยุโรป (ตัวเลขปี 2558 ยังไม่เปิดเผยออกมา)
2.Excellent Engineering Culture หัวเว่ยทุ่มเทในการพัฒนาชิ้นส่วนของสมาร์ทโฟนในทุกส่วนภายใต้วัฒนธรรมองค์กรของหัวเว่ย บริษัทมุ่งมั่นที่จะมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ด้วยความทุ่มเทในการคิดค้นระบบวิศวกรรมอันเหนือชั้นด้วยความชำนาญ เพื่อพัฒนาการใช้ชีวิตของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
Mate Series,P Series สินค้าสร้างแบรนด์
สินค้ารุ่น Mate Series และ P Series เป็นสินค้าสร้างแบรนด์ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน
“เฉพาะในเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา เราได้ส่งมอบสมาร์ทโฟนรุ่น Mate 8 ไปแล้วกว่า 4 ล้านเครื่อง โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักธุรกิจระดับไฮเอนด์ ซึ่งถือเป็นการสานต่อความสำเร็จจากรุ่น Mate 7 ที่มียอดการจัดส่ง 7 ล้าน ทั่วโลก ด้วยความต้องการที่มีมากในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก อาทิ ประเทศจีน ยุโรปตะวันตก ตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ แปซิฟิกใต้ พร้อมด้วยรุ่น P8 ที่มียอดจัดส่งเกือบ 5 ล้านเครื่องทั่วโลก”
ในประเทศไทย เป็นครั้งแรก ที่ได้เปิดตัวรุ่น Mate 8 เรือธงมาในราคาที่ทะลุ 2 หมื่นบาท  และพร้อมชนSamsung, Apple และ Sony  แบบไม่หวั่น
ด้วยดีไซน์ที่พรีเมี่ยม และจุดเด่นในการใช้ข้อนิ้ว หรือ Knuckle ในการสั่งการ มีโหมดการถ่ายวิดีโอที่กล้องจะปรับโฟกัสได้เร็วและมี ระบบการอัดเสียงยังเป็นแบบสเตอริโอ
แผนบุกอาเซียนและไทย
หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์ที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการมอบสินค้าที่ผสานนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และกลุยทธ์ในการใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ โดยในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้โฟกัสความต้องการของผู้บริโภคสินค้าระดับพรีเมี่ยม เช่น สมาร์ทโฟนรุ่น Mate 8 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับนักธุรกิจมืออาชีพรุ่นใหม่ เและ ล่าสุดกับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนกล้องเลนส์คู่ ครั้งแรกของโลกที่หัวเว่ยจับมือกับ Leica ผู้ผลิตกล้องชื่อดังจากเยอรมนี ช่วยพัฒนาในส่วนของเลนส์กล้อง ชูจุดเด่นในเรื่องการถ่ายภาพ
สำหรับประเทศไทย แบรนด์นี้ได้เข้ามาบุกเบิกตลาดมานานกว่า 10ปี จากผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมน้องใหม่ที่แทบจะไม่อยู่ในสายตาของใคร  แต่วันนี้ตลาดไทยกำลังมีความสำคัญและมีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางด้านการเพิ่มขึ้นของการรับรู้ที่เพิ่มมากถึง 60% ในปี 2558 และยังได้สานต่อความสำเร็จของกลุยทธ์การใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ในไทย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่คู่กับอาเล็ก ธีรเดช เพื่อขยายการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

ล่าสุด “หัวเว่ย” ใช้เงินลงทุน 120 ล้านเหรียญสหรัฐ เปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (International Headquarter : IHQ) ที่ประเทศไทย บนชั้น 10-13 อาคารจีเอฟ ถนนวิทยุ มีพื้นที่รวม 4,380 ตารางเมตร มีพนักงาน 1,200 คน
นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับโปรโมชั่นส่งเสริมการตลาดแล้ว ยังพยายามผลักดันให้แบรนด์กลายเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
กลยุทธ์บุกโลก
เพื่อให้เป็นแบรนด์ชั้นนำของโลกโทมัสหลิว อธิบายว่า หัวเว่ยได้วางกลยุทธ์สำคัญไว้หลายเรื่องเช่นการให้ความสำคัญในการผสานดีไซน์แนวใหม่ เทคโนโลยีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และแฟชั่น เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชั้นนำที่สมบูรณ์แบบด้วยคุณภาพระดับพรีเมี่ยมและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และด้วยการให้ความสำคัญกับระบบนิเวศในการสร้างสรรค์แอพลิเคชั่นและบริการคลาวด์
“เราได้ทุ่มเงินลงทุนในด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ทั้งอุปกรณ์พกพา อุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้าน และอุปกรณ์พาหนะ อีกทั้งยังร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำเพื่อนำเสนออุปกรณ์พกพาที่มีความสวยงามนำสมัยแก่ผู้ใช้งานทั่วโลก และเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ที่พรีเมี่ยมจริงๆ”
เขายังกล่าวว่าในฐานะผู้นำของmobile broadband marketหัวเว่ยได้จำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้สัญญาณ 4G ไปแล้วกว่า 20 ล้านเครื่อง สำหรับตลาดระบบบ้านอัจฉริยะ หัวเว่ยยังร่วมมือในการผลิตโซลูชั่นส์บ้านอัจฉริยะในชื่อ “HiLink” อีกหนึ่งหน่วยธุรกิจหลักของหัวเว่ยคือเทคโนโลยีเชื่อมต่อสำหรับรถยนต์ Connected Cars และ M2M ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างดียิ่งจากพันธมิตรแบรนด์ยานยนต์ระดับโลกอย่าง ออดี้ และ โฟล์กสวาเกน
“ในปี 2559  เราจะยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้งานในสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป และร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอันล้ำสมัยและทรงประสิทธิภาพซึ่งสามารถเห็นได้ในรูปแบบต่างๆ เช่นสมาร์ทโฟนแฟล็กชิป รุ่น P9 ที่มาพร้อมกับกล้องเลนส์คู่ จากการร่วมพัฒนากันกับ Leica บริษัทผู้ผลิตกล้องชั้นนำจากประเทศเยอรมัน ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา” โทมัส หลิวกล่าวย้ำ


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer