ในปี 2557 ปีที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวมากนัก จากปัญหาการเมือง สงคราม และความขัดแย้งต่างๆ แต่ก็มีประชาชนบางกลุ่มที่สามารถโตได้ในขณะที่บางกลุ่มยังเปราะบาง กลุ่มนั้นไม่ใช่ใครทีไหนแต่เป็น “อภิมหาเศรษฐี” Knight Frank บริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ได้ทำการสำรวจที่ปรึกษาความมั่งคั่งทั่วโลก เพื่อสำรวจตลาด และพฤติกรรมของอภิมหาเศรษฐีทั่วโลก โดย”อภิมหาเศรษฐี” ในที่นี้กล่าวถึงบุคคลที่มีทรัพย์สินมากกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ไม่นับบ้านที่อยู่ประจำ) หรือที่เรียกกันว่า Ultra High Net Worth Individuals (UHNWI)

สิ้นปี 2557 มีจำนวนอภิมหาเศรษฐี เท่ากับ 172,850 คน เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2556 ซึ่งหากแบ่งตามโซนแล้ว ทวีปที่มีจำนวนอภิมหาเศรษฐี คือยุโรป รองลงมาคืออเมริกา แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่าประมาณ 2 เท่านั้น อเมริกาก็ยังเป็นประเทศที่ประชากรที่มีความมั่งคั่งที่สุดอยู่ แต่หนึ่งในประเทศที่น่าจับตาของยุโรปก็คือ สหราชอาณาจักร ที่โตแซงหน้าประเทศอื่นๆในยุโรป ซึ่งสาเหตุที่ทำให้สหราชอาณาจักร เป็นที่จับตาของอภิมหาเศรษฐี ก็คือ เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรม โดยเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรนั้น แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆในยุโรปเนื่องจากมีค่าเงินปอนด์นอกเหนือจากยูโร โดยเงินปอนด์นั้นจะค่อนข้างผูกกับดอลลาร์สหรัฐมากกว่า ทำให้เมื่อสหรัฐกลับมาฟื้นตัว สหราชอาณาจักรก็ฟื้นตัวตาม

จากรายงานก็จะเห็นได้ชัดว่า สหราชอาณาจักร เป็นสวงสวรรค์สำหรับอภิมหาเศรษฐี โดยมีอภิมหาเศรษฐีย้ายเข้าไปอยู่มากกว่า 100,000 คนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่จีนเป็นประเทศที่อภิมหาเศรษฐีย้ายออกมากที่สุด จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความต้องการที่จะย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศจีน ในด้านเอเชียนั้นประเทศที่น่าสนใจก็คือ สิงคโปร์ ที่ถึงแม้ จะเป็นประเทศที่เล็กแต่การจัดการและเศรษฐกิจดีมากๆ ทำให้อภิมหาเศรษฐีทั้งหลายก็ตัดสินใจมาอยู่อาศัยหรือพักผ่อนได้ไม่ยาก

เมื่อเมืองเจริญขึ้น เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวก็โตขึ้น ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกก็หลั่งไหลเข้ามา โดยเมืองที่มีแห่งเชิ้อชาติปี 2014 ได้แก่ ลอนดอน ที่เบียดแซง นิวยอร์ค และด้วยราคาที่ดิน ทำให้อภิมหาเศรษฐีมีความต้องการมาลงทุนในอังกฤษมากขึ้น ทำให้ราคาที่ดินและบ้าน ในลอนดอนขยับขึ้น 52% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เช่น คอนโดตรง Hyde Park 1 ยูนิต มูลค่า17ล้านปอนด์ โดยกรุงเทพ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจะไม่ได้โตเร็วเท่าสมัยสิบปีก่อน แต่ราคาที่ดินก็ขยับขึ้น 75% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงสุดเป็นรองเพียงจาการ์ตา

หากที่ดินเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไป ก็สามารไปลงทุนในงานอดิเรกได้เช่น รถคลาสสิค งานศิลปะ แสตมป์ เป็นต้น เพราะราคานั้นขึ้นเรื่อยๆ เผลอๆสามารถทำเงินได้มากกว่าที่ดินด้วยซ้ำ
รายงานเรื่องความมั่งคั่งของ Knight Frank ฉบับนี้ ทำร่วมกับ SCB Private Banking เพื่อข้อมูลผู้บริโภคระกับ Premium จนไปถึง Mass ที่มีความสนใจลงทุนในต่างประเทศ หากสนใจข้อมูล สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Knight Frank และ ธนาคารไทยพาณิชย์
ที่มา : Knight Frank และ SCB
