1.ตลาดกาแฟสดเริ่มเข้าสู่ตลาดการผูกขาดของแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากการที่ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นคอนวีเนียนสโตร์ และเครื่องดื่มบุกตลาดมิด-โลว์เอนด์อย่างจริงจัง หลังจากที่ตลาดกาแฟระดับนี้ส่วนใหญ่จะเป็นตลาดของโลวคอลแบรนด์เล็กๆ หรือกาแฟไม่มีแบรนด์ตามร้านข้างทางและตู้คีย์ออสต่างๆ และปล่อยให้กาแฟสดระดับพรีเมียมจะผูกขาดด้วยแบรนด์หลักๆ เพียงไม่กี่แบรนด์เพียงตลาดเดียว

2.หลังจากที่ 7/11 เข้ามารุกตลาดกาแฟสดอย่างเต็มตัว ด้วยการขยายบริการกาแฟสดไปยัง 7/11 สาขาต่างๆ ที่ไม่ใช่แหล่งออฟฟิศบิวดิ้งมากขึ้นเนื่องจากมองว่าเป็นโอกาสทางการตลาดที่มาพร้อมกับพฤติกรรมการดื่มกาแฟของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการมาเข้าทำตลาดของ 7/11 ทำให้ร้านกาแฟตู้คีย์ออสข้างทางบางร้าน โดยเฉพาะคีออสหน้าร้าน 7/11 หรือพื้นที่ใกล้เคียงอาจต้องปิดตัวลง จากยอดจำหน่ายที่หดหาย จากราคาจำหน่ายกาแฟใน 7/11 เริ่มต้นที่ 25 บาทใกล้เคียงกับร้านคีย์ออส และมีรสชาติที่มาตรฐานกว่าจากการใช้เครื่องชงระดับพรีเมียมให้กาแฟที่ชงทุกแก้วมีมาตรฐานเดียวกัน พร้อมโปรโมชั่นลดราคาแลกซื้อต่างๆ ในบางช่วงเวลา

3.ตลาดกาแฟระดับ B ยังคงผูกขาดด้วยอเมซอน คาเฟ่ จากจุดแข็งแบรนด์กาแฟที่(เกือบ)ผูกขาดในปั๊มน้ำมัน ปตท. ด้วยสาขาสิ้นปีที่ผ่านมา 1,405แห่ง แบ่งเป็นสาขาในปั๊มน้ำมัน 1,197 แห่ง และสาขาดนอกปั๊มน้ำมัน 208 แห่ง

4.ร้านกาแฟพรีเมี่ยมมูลค่า 7,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี ยังคงเป็นตลาดของอินเตอร์แบรนด์แข่งขันกันรุนแรงด้วยการสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นบ้านหลังที่ 2 ของนักดื่มกาแฟ ที่มีบรรยากาศสบายๆ พร้อมๆ กับคิดค้นเมนูใหม่ๆ และการสาขาไปยังแหล่งชุมชนใหม่ เช่นคอมมูนิตี้มอลล์ เป็นต้น โดยที่ผ่านมาสตาร์บัคส์มีจำนวนสาขามากกว่า 200 สาขา ทรูคอฟฟี่ 200 สาขาแบ่งเป็น รูปแบบร้าน 120 สาขา และคีออส 80 สาขา คอฟฟี่เวิล์ดมากกว่า 80สาขา Tom N Toms16 สาขา

5.สิงห์ คอร์ปอเรชั่น เห็นโอกาสของตลาดกาแฟไทย ด้วยการจับมือกับ ดอยช้าง ขยายตลาดกาแฟ ในรูปแบบต่างๆ เช่นการจำหน่ายกาแฟในรูปแบบ B2B ไปยังโรงแรม 5 ดาว และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ รวมถึงเพิ่มรุกตลาด Coffee Capsule เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วในการชงกาแฟสดเป็นต้น


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer