ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป (WHA Group) รายงานผลดำเนินงาน ปี 2565 รายได้-ส่วนแบ่งกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โต 30% ตั้งเป้ารายได้รวม-ส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 5 ปี (2566-70) ที่ 1 แสน ลบ. อัดฉีดงบลงทุน 6.85 หมื่น ลบ.

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เผยว่า ปี 2565 บริษัทเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทย และการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ มีการเซ็นสัญญาดีลใหญ่ ๆ

และโครงการที่สร้างมูลค่าเพิ่มในทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจของบริษัท ได้แก่ โลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภคและพลังงาน และ ดิจิทัลโซลูชัน ทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม 2 ฐานโครงการหลักของบริษัท

สรุปรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยอัตราการเติบโตกว่า 30% โดยมีการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ดังนี้

กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ (ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์) ภายหลังจากการเปิดตัวโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.  21 บนเนื้อที่รวม 400 ไร่ บริษัทได้มีการลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่ร้อยละ 68 ของเฟส 1 หรือ 130,000 ตารางเมตร กับลูกค้าที่ดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายใหญ่หลายราย ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) และผู้เช่าหลักรายอื่น ๆ ในภาคสินค้าอุปโภคบริโภค

โดยในปี 2565 ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์มีการเปิดโครงการและลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น จำนวน 206,000 ตารางเมตร

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทำสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมจำนวน 135,000 ตารางเมตร ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 2,720,000 ตารางเมตร

กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม (ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์) นอกเหนือจากการขายที่ดินขนาด 600 ไร่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ให้กับบีวายดี (BYD) แล้ว ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 3 ของบริษัท ในประเทศเวียดนาม ที่จังหวัดกว๋างนาม โดยมีขนาดพื้นที่ 2,500 ไร่ ตั้งเป้าดึงดูดอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

อาทิ ยานยนต์ เครื่องกล ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ โดยตลอดปี 2565 บริษัทมียอดขายที่ดินรวม 1,860 ไร่ (1,754 ไร่ในประเทศไทย และ 106 ไร่ในประเทศเวียดนาม) สูงกว่ายอดขายที่ดินรวมในปี 2564 ที่ 855 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 117.5

กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน (ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์) บริษัท ได้เซ็นสัญญากับบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี (ประเทศไทย) เพื่อติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถ ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้า 7.7 เมกะวัตต์ บนพื้นที่รวม 32,200 ตารางเมตร ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 (WHA ESIE 1)

ซึ่งนับเป็นการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำและบริหารน้ำรวม 145 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวน 683 เมกะวัตต์

กลุ่มธุรกิจดิจิทัล (ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล) บริษัทได้เปิดตัว WHAbit แอปพลิเคชันด้านเฮลท์แคร์ เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการด้านการดูแลสุขภาพ และการแพทย์ทางไกล โดยประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช ในปี 2565 บริษัทเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กร สู่ดิจิทัลผ่านโครงการต่าง ๆ กว่า 32 โครงการเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company

ทั้งนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นรางวัล SET Awards จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ รางวัล Commended Sustainability Awards สำหรับดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รางวัล Best Innovative Company Awards สำหรับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)

และรางวัล Outstanding REIT Performance Awards สำหรับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล นอกจากนี้ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป และดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ยังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนประจำปี 2565 (THSI) ในฐานะ “Sustainable Stocks” อีกด้วย

ด้าน ทิศทางดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 บริษัทประกาศกลยุทธ์ธุรกิจไว้ 5 ข้อ ดังนี้ 1. รักษาความเป็นที่หนึ่งในประเทศด้วยการครองอันดับหนึ่งในทุกธุรกิจขององค์กร, 2. เร่งการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเน้นที่ประเทศเวียดนาม, 3. ใช้นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่  ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

4. สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่  ๆ โดยเน้นแนวคิดด้านความยั่งยืนเป็นหลัก และ 5. นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาไปสู่องค์กรที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การเป็น Technology Company

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ริเริ่มภารกิจ “Mission to the Sun” ซึ่งประกอบด้วย 9 โครงการ ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ รวมถึงเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

และเสริมสร้างการพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัท โดยโครงการที่สำคัญ ได้แก่ Green Logistics, Digital Assets (Metaverse), Digital Health Tech, Circular เป็นต้น

ตั้งเป้ารายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 5 ปี (2566-70) ที่ 100,000 ล้านบาท ขณะที่ยังคงรักษาอัตรากำไร EBITDA สูงกว่า 40% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD) ต่ำกว่า 1.2 เท่า

ด้าน งบลงทุนปี 2566 บริษัทตั้งไว้ที่ 6.85 หมื่นล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 2566-70) โดยเป็นงบลงทุนสำหรับ 4 กลุ่มธุรกิจของบริษัท เรียงจากมากไปน้อย ดังนี้

อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ งบลงทุน 2.9 หมื่นล้านบาท ตอกย้ำความเป็นผู้นำในประเทศไทยและขยายธุรกิจในเวียดนามให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเน้นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะเชิงนิเวศขั้นสูง และโครงการอุตสาหกรรมมูลค่าสูง

ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ หรือ WHAUP งบลงทุน 1.85 หมื่นล้านบาท มุ่งต่อยอดธุรกิจสาธารณูปโภคให้เติบโตต่อเนื่อง ทั้งภายใน และภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม ชูโซลูชันนวัตกรรม และความยั่งยืน

ดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์ งบลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าขยายธุรกิจในประเทศไทย และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยยึดถือแนวทางปฏิบัติที่นำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ และคำนึงถึงความยั่งยืน

 ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล งบลงทุน 4 พันล้านบาท จะยังคงเป็นผู้นำโครงการการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร ช่วยสร้างเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ประสิทธิภาพ การเข้าถึง และความปลอดภัยด้านดิจิทัล ตัวอย่างเช่น แดชบอร์ดตรวจสอบแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และอุปกรณ์ตรวจจับประสิทธิภาพ เครื่องมือวิเคราะห์ ระบบอัตโนมัติ และอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ เป็นต้น  

จรีพร กล่าวปิดท้ายว่า บริษัทมองอนาคตปี 2566 ด้วยความมั่นใจในเชิงบวก ผ่านการส่งเสริมนวัตกรรมต่าง ๆ ให้กับทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ดังแผนการดำเนินงานข้างต้น โดยที่ยังเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ บริษัทได้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2564 และมุ่งมั่นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมถึงลูกค้า, พนักงาน, ผู้ถือหุ้น, พันธมิตรทางธุรกิจ และท้ายที่สุด คือ สังคมไทยโดยรวม



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน