ครั้งหนึ่ง Guinness World Records ได้บันทึกไว้ว่า บราของ Victoria’s Secret เป็นบราที่เเพงที่สุดในโลก ด้วยราคาถึง 15 ล้านดอลลาร์ (ราว 500 ล้านบาท) เพราะทำจากทองคำ 18 กะรัต อัญมณี 16,000 เม็ด นอกจากนั้น ยังมีเพชร ทับทิม และไพลิน ใส่เเล้วราวกับหีบสมบัติเคลื่อนที่ก็ไม่ปาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายท่านจดจำ Victoria’s Secret ได้ในภาพของโชว์ที่มีนางเเบบหน้าตางดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ สวมปีกนกขนาดใหญ่ เดินเฉิดฉายด้วยความมั่นใจบนรันเวย์ จนความรู้สึกอยากซื้อมาใส่ตาม
แต่ทราบหรือไม่ว่า ในการจัดโชว์เดินเฉิดฉายครั้งหนึ่งของเเบรนด์นี้ ต้องใช้รถบรรทุกขนเสื้อผ้ากับแผงขนนกฟูฟ่องมากถึง 45 คัน พร้อมชุดรักษาความปลอดภัยกับอาวุธครบมือ สุนัขดมกลิ่น และผู้คุ้มกันอีกหลายชีวิต รวมถึงค่าจ้างสำหรับเชิญนักร้องดังมาร้องเพลงประกอบ เชิดหน้าชูตาบนเวที เช่น Lady Gaga, Bruno Mars, Rihanna, Taylor Swift, The Weekend และอีกมากมาย
โดยใช้เงินจัดกว่า 27 ล้านดอลลาร์ (ราว 890 ล้านบาท) ต่อครั้ง ตามการประเมินของ New York Times ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นกว่า 100 เท่าของแฟชั่นโชว์ทั่วไป
พออ่านมาถึงจุดนี้ หลายท่านคงสงสัยว่า เเค่ขายชุดชั้นใน ทำไมต้องทำเว่อวังอลังการถึงขนาดนี้ เเน่นอนว่าไม่มีใครทำธุรกิจเพื่อจะมาขาดทุน ดังนั้น หากจะขายสินค้าซึ่งเป็นเพียงชุดชั้นใน ให้ได้ราคาดี ก็ต้องขายมากกว่าแค่เนื้อผ้า. . .
จุดเริ่มต้นของแฟชั่นโชว์อวดชุดชั้นใน ที่ชวนให้คนละลายทรัพย์
แฟชั่นโชว์ของ Victoria’s Secret มีมาตั้งแต่ปี 1995 ที่มีนางแบบสะสวยมากมาย สวมปีกนางฟ้าสุดอลังการ สวมชุดชั้นใน เดินอวดบนรันเวย์ โดยในการจัดแฟชั่นโชว์ครั้งหนึ่ง ไม่ได้มีไว้เพื่อขายชุดชั้นในอย่างเดียว
แต่ตั้งใจโชว์ไลฟ์สไตล์ ขายภาพลักษณ์ที่ถูกจัดวางมาอย่างดี ผ่านนางแบบที่มีทรวดทรงองค์เอว หน้าตาสะสวย และท่วงท่าในการเดินให้ชวนมอง ตามนิยามของนางฟ้า สร้างมาตรฐานเเละภาพจำให้สินค้า สื่อถึงความหรูหรา งดงาม พร้อมดึงดูดเพศตรงข้าม
Sharon Turney ประธานและซีอีโอของ Victoria’s Secret เผยว่า แม้ค่าใช้จ่ายในการจัดแฟชั่นโชว์ฟังดูเว่อวัง แต่ในทางธุรกิจแล้วคุ้มค่า เพราะนี่คือแคมเปญโปรโมตที่แปรกลับมาเป็นผลตอบแทน สร้างกำไรได้ถึง 5 เท่าของค่าจัดแฟชั่น โชว์
หนึ่งในหลักฐานยืนยันความสำเร็จข้อนี้คือ หลังแฟชั่นโชว์ที่ ที่เซี่ยงไฮ้ ยอดขายเเละการรับรู้แบรนด์ในตลาดจีนก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนดันให้ยอดขายในจีนเพิ่มขึ้นแบบถล่มทลาย
นอกจากนี้ แฟชั่นโชว์ของ Victoria’s Secret ยังได้เก็บเงินค่าโฆษณาจากแต่ละแบรนด์ที่มีป้ายปรากฏอยู่บนรันเวย์ได้อีกด้วย
ยังไม่หมดแค่นั้น โดย Victoria’s Secret ยังได้ค่าลิขสิทธิ์จากการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ด้วย เพราะผู้ชมต่างให้ความสนใจกับงานอย่างมาก จนทำให้มีผู้ชมมากกว่า 500 ล้านคนใน 158 ประเทศทั่วโลก
ท่ามกลางการประเมินว่าสถานีโทรทัศน์อาจได้รับค่าโฆษณาช่วงระหว่างการถ่ายทอดสูงถึง 270,000 ดอลลาร์ (ราว 9 ล้านบาท) ต่อเวลาออกอากาศ 30 วินาที ทำให้หลายช่องต่างแย่งซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดเพราะเล็งเห็นเม็ดเงินตอบเเทนงาม ๆ
แต่ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าชมได้ เพราะตั๋วเข้าชมมักถูกแจกจ่ายให้เพียงหุ้นส่วนระดับที่เป็นคนดังหรือมหาเศรษฐี ระดับ A-list รวมไปถึงสื่อมวลชนเท่านั้น
.
แบรนด์ชุดชั้นผู้หญิงชื่อดังที่ก่อตั้งโดยผู้ชาย
Victoria’s Secret ก่อตั้งโดย Roy Raymond หนุ่มนักการตลาดชาวอเมริกันเมื่อปี 1977 โดยชื่อแบรนด์นำ Victoria ชื่อราชินีอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ซึ่งสื่อถึงความหรูหรากับ Secret ที่สื่อถึงความลึกลับชวนค้นหามารวมกัน
ตัวร้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราเพื่อให้ผู้ชายสามารถเข้ามาซื้อชุดชั้นในได้เองในร้านและหรือสั่งซื้อ ยังสามารถสั่งซื้อผ่านไปรษณีย์ได้ด้วย สำหรับให้คู่รักหรือภรรยาในโอกาสพิเศษเพื่อกระชับรักโดยไม่ต้องเขินอายแบบร้านชุดชั้นในทั่วไป
รายได้มหาศาลของชุดชั้นในอินเนอร์เเรง
ตลาดชุดนอนและชุดชั้นในสตรีทั่วโลกเมื่อปี 2021 มีมูลค่าประมาณ 74,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.4 ล้านล้านบาท) และมีการประเมินว่าภายในปี 2027 ตลาดจะโตเพิ่มเป็น 94,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 3 ล้านล้านบาท ) เเละเเน่นอนว่า Victoria’s Secret ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง
2020 รายได้รวม 6,785 ล้านดอลลาร์ (ราว 229,000 ล้านบาท)
2021 รายได้รวม 5,413 ล้านดอลลาร์ (ราว 182, 000 ล้านบาท)
2022 รายได้รวม 7,509 ล้านดอลลาร์ (ราว 253,000 ล้านบาท)
เเม้ยอดขายในปี 2021 จะได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้ต้องปิดร้าน Victoria’s Secret กว่า 200 แห่งในอเมริกาเหนือ เเต่ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาที่เหลือก็ปรับเพิ่มขึ้น จึงช่วยทดแทนรายได้จากร้านที่ถูกปิดไปได้บ้าง
คู่แข่งที่เคยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ Victoria’s Secret เป็นส่วนหนึ่งของ Limited Brands แต่ในปี 2021 Limited Brands ได้แยกออกจากกัน โดยที่ฝั่ง Victoria’s Secret กลายเป็นบริษัทมหาชน พร้อมเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Victoria’s Secret & Co
ส่วน L Brands กลายเป็น Bath & Body Works, Inc. หนึ่งในคู่เเข่งหลักของ Victoria’s Secret
เเต่ก็ยังมีคู่เเข่งใหญ่ คือ Calvin Klein ของ PVH Corporation ผลิตภัณฑ์ชุดชั้นใน Calvin Klein มีรายได้ประมาณ 3,660 ล้านดอลลาร์ (ราว 120,000 ล้านบาท) ในปี 2021 รวมถึง Nordstrom, ThirdLove และ True & Co. ที่เป็นคู่แข่งในระดับรอง ๆ ลงมา
รายได้ของนางฟ้า Victoria’s Secret
นางแบบ Victoria’s Secret หรือที่เรียกอีกชื่อว่า นางฟ้า Victoria ได้รับค่าตอบเเทนตั้งแต่ 91,300 ถึง 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 3 ล้าน ไปจนถึง 33 ล้านบาท) ต่อปี เเละเมื่อประสบการณ์มากขึ้น เงินที่ได้รับก็จะเพิ่มตามด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม รายได้เท่านี้ไม่ได้ช่วยให้พวกเธออยู่กินสบาย แต่นางแบบหลายคนก็ยังอยากจะครองตำแหน่งนางฟ้า Victoria กัน เพราะมองว่าเป็นตัวช่วยเพิ่มชื่อเสียงและเงินเดือน เพื่อต่อยอดสู่โอกาสใหญ่อื่น ๆ
ในบรรดานางแบบ Victoria’s Secret ทั้งหมด Gisele Bundchen คือ นางแบบ Victoria’s ที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดตลอดกาล ด้วยตัวเลขรายได้สูงถึงราว 45 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,500 ล้านบาท) ต่อปี
ทั้งนี้ Victoria’s Secret มีเครื่องแต่งกายหลากหลายประเภท เช่น ชุดแบบตะวันตกและชุดประจำชาติ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องประดับ กระเป๋า เสื้อผ้า และแว่นกันแดดให้เช่าอีกด้วย
สินค้าไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่หญิงสาว เเต่ยังออกคอลเลกชันมากมายเพื่อเจาะกลุ่มผู้ชายและเด็ก
อีกทั้งการจัดแฟชั่นโชว์เล่นกับอารมณ์ เพิ่มความต้องการของลูกค้าให้มีความรู้สึกอยากดูเป็นแบบนางฟ้าวิกตอเรีย มีอินเนอร์แบบนั้น มั่นใจแบบนั้น และเซ็กซี่แบบนั้น ช่วยกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันที่นิยามความสวยเปลี่ยนไป แบรนด์ต้องทำการบ้านกับการสร้างบรรทัดฐานนางฟ้าใหม่ ไม่ใช่เพียงหุ่นดี หน้าสวยอีกต่อไป และใช้ชุดที่เน้นทรวดทรงองค์เอวมากจนเกินไป เพื่อลดการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม
การปรับเปลี่ยนใส่ใจ Social Movement ที่ทันท่วงทีของเเบรนด์ เเล้วหันมาออกแคมเปญสนับสนุนความสวยในแบบของตัวเอง เพื่อปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ต่อสาธารณะ ช่วยนำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมาสู่บริษัท
ทั้งหมดไม่ต่างจากการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ทำให้ชื่อของ Victoria’s Secret ยังคงจะอยู่ในตัวเลือกของผู้บริโภค เมื่อมองหาชุดชั้นในสักตัว
ข้อมูล: bodyandsoul, victoriassecretandco, statista, forbes, cnbc, cheatsheet, iide, marquee
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



