เมื่อหลายปีก่อน อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของและผู้ก่อตั้ง บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์  เคยกล่าวกับผู้เขียนว่าให้จับตาดูบริษัทพฤกษาว่าเป็นบริษัทหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก ๆ

ในช่วงเวลานั้นพฤกษาคือเจ้าของโครงการทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวเล็ก ๆ ย่านรังสิตที่จับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก 

ไม่น่าจะมีอะไรโดดเด่นขึ้นมาได้เลย

30 ปีผ่านไป พฤกษาเติบโตจนกลายมาเป็นบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของเมืองไทย

มีที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบตั้งแต่ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมที่กวาดลูกค้าทุกระดับรายได้

จากทาวน์เฮาส์ราคาเพียง 400,000-500,000 บาทต่อยูนิต วันนีัคอนโดหรูของพฤกษาขายในราคากว่า 250,000 บาทต่อตารางเมตร

จากทำเลย่านชานเมืองสู่ย่าน CBD ของกรุงเทพฯ รวมทั้งหมดกว่า 260,000 ครอบครัวที่เข้ามาเป็นลูกค้า    

พร้อมกับขยายเข้าสู่ธุรกิจเฮลท์แคร์และอีคอมเมิร์ซ ที่จะผสานพลังเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น

ปี 2565 ที่ผ่านมา พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) มีรายได้ที่ 28,640 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,772 ล้านบาท 

อะไรคือพัฒนาการของพฤกษา

ย้อนกลับไปเมื่อ  30 ปีก่อน บริษัทพฤกษาเรียลเอสเตท ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2536 เปิดตัวด้วยโครงการบ้านพฤกษา 1 ที่รังสิต-คลอง 8 จากนั้นได้เริ่มสร้างและขายทาวน์เฮาส์ ในโครงการบีโอไอ (BOI) เพื่อสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง

ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ  ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  ได้เล่าถึงจุดกำเนิดของพฤกษาว่า ด้วยการพัฒนาสินค้าทาวน์เฮาส์ให้มีจุดเด่นตรงตามความต้องการของตลาด และนำเทคโนโลยีการก่อสร้างมาใช้จนเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยพรีคาสท์

หลังจากประสบความสำเร็จในการทำทาวน์เฮาส์แล้วก็ได้ศึกษาความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ต่อมาจึงได้สร้างโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม บ้านแฝด ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าไปจนถึงระดับบน 

นอกจากการพัฒนาโครงการแล้ว ตัวองค์กรก็มีการพัฒนาและก้าวหน้าเช่นกัน โดยมีเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลายเหตุการณ์ด้วยกัน เช่น  

ปี 2547 ก่อตั้งโรงงานพฤกษาพรีคาสท์ ซึ่งทำให้พฤกษากลายเป็นผู้นำในวงการก่อสร้างบ้านด้วยการนำเทคโนโลยีพรีคาสท์จากเยอรมนีมาใช้ และยังได้ก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปแห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นด้วยมูลค่าเงินลงทุน 650 ล้านบาท

ปี 2548 แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปีเดียวกันนี้ได้ขยายกลุ่มลูกค้าจากทาวน์เฮาส์ไปยังบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ ภัสสร โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางสามารถเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากที่สุด

ปี 2550 เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะเปลี่ยนแปลง มีโครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อแนวคิดการอยู่อาศัยของผู้บริโภค เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสูงมาก พฤกษาจึงได้ปรับกลยุทธ์โดยก่อสร้างคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไอวี่ เดอะซี๊ด และ ซิตี้วิลล์

ปี 2557 เปิดโรงงานพฤกษาพรีคาสท์ โรงที่ 6 และ 7 โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลก ทำให้พฤกษามีกำลังการผลิตบ้านสูงถึง 1,120 ยูนิตต่อเดือน และเป็น Green Factory แห่งแรกในประเทศไทยในอุตสาหกรรมการผลิต Precast Concrete ด้วยระบบ Concrete Recycling

จากคลอง 8 รังสิต ถึงทองหล่อ ก่อนบุกย่าน CBD

พฤกษาเปิดแบรนด์ “ไอวี่” คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ครั้งแรกในซอยทองหล่อเมื่อประมาณปี 2553 ก่อนมาเปิดตลาดพรีเมียมอีกครั้งเมื่อปี 2559 ด้วยแบรนด์ “The Reserve” เกษมสันต์ 3

ปี 2563 เริ่มส่งแบรนด์นี้ลุยตลาดอย่างจริงจังเพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดระดับบนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเซกเมนต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้พฤกษา 

ปัจจุบันแบรนด์ The Reserve มี 5 โครงการคือ The Reserve เกษมสันต์ 3 The Reserve สุขุมวิท 61 The Reserve พหล-ประดิพัทธ์ The Reserve S61 Hideaway The Reserve สาทร ในราคาขายตารางเมตรละ 250,000 บาทขึ้นไป

จากทาวน์เฮาส์เป็นบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม จากกลุ่มเป้าหมายลูกค้าผู้มีรายได้น้อยราคายูนิตละ 4-5 แสนบาท วันนี้พฤกษามีโครงการที่จับกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มรายได้

ปี 2565 รายได้มาจากทาวน์เฮาส์ 10,660 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 5,249 ล้านบาท ในขณะที่คอนโดมิเนียมสูงถึง 10,538 ล้านบาท (ที่เหลือคือธุรกิจโรงพยาบาลและอื่น ๆ)

ได้เวลาก่อตั้ง พฤกษา โฮลดิ้ง รองรับการเติบโต

หลังจากธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมาก ในปี 2559 บริษัทฯ จึงได้ก่อตั้งโฮลดิ้งขึ้นโดยใช้ชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทโฮลดิ้งนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

โดยมีกลยุทธ์หลัก 3 ประการ คือ 1) รักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง 2) เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน และ 3) ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

จากโครงการที่อยู่อาศัยสู่ธุรกิจโรงพยาบาล 

ธุรกิจโรงพยาบาลของพฤกษาเริ่มขึ้นในปี 2560 ภายใต้ชื่อ วิมุต ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ใช้งบลงทุน 5,000 ล้านบาท นับเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการบุกธุรกิจสุขภาพ ซึ่งจะเป็นอีกแหล่งรายได้ประจำที่นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ และจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัยด้วยบริการ Nursing Home ดูแลสุขภาพ และผู้สูงวัย ด้วยโมเดลคลินิกบ้านหมอวิมุต

2565 ปีแห่งการขยายธุรกิจใหม่ ตามเทรนด์โลกอนาคต

เป็นอีกปีหนึ่งที่พฤกษาเกิดการเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหวที่สำคัญ คือ การจัดตั้งกองทุน Corporate Venture Fund มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ตามเทรนด์โลกอนาคต 

โดยมุ่งเน้น 2 ด้านที่จะมาสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่ PropTech เช่น โซลูชันที่มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า การขายและการตลาดดิจิทัล รวมทั้ง Smart Home IoT และ Senior Living อีกด้านหนึ่ง คือ Health Tech ซึ่งจะมุ่งเน้นแพลตฟอร์มด้านบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานธุรกิจสุขภาพ และอุปกรณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจใหม่ด้านอีคอมเมิร์ซด้วยการก่อตั้ง บริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด เพื่อใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการขยายธุรกิจ รวมทั้งก่อตั้งบริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด เพื่อรองรับความต้องการด้านพรีคาสท์ และก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งโซลาร์รูฟ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก โดยยังมุ่งใช้กลยุทธ์ซินเนอร์จีผสานจุดแข็งของแต่ละธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือ  

มีการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในระดับภูมิภาค จัดตั้ง กองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” ร่วมกับสองบริษัทชั้นนำ คือ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป (CapitaLand Investment Group หรือ CLI) ยักษ์ใหญ่กลุ่มธุรกิจจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก  และ แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) ผู้ให้บริการโซลูชันคลังสินค้าแบบครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไต้หวัน  เพื่อลงทุนและพัฒนาทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใช้ในประเทศสำคัญ ๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผนึกพลังอสังหาฯ เฮลท์แคร์ และอีคอมเมิร์ซ  

นอกจากพัฒนาโครงการบ้านด้วยนวัตกรรมดีไซน์ต่าง ๆ แล้ว 3 ธุรกิจในเครือ คือ อสังหาริมทรัพย์ เฮลท์แคร์ และอีคอมเมิร์ซ จะผสานพลังเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

เช่น การใช้แนวคิดบ้านแบบ Multi Gen ที่รองรับคนทุกวัย การใช้โฮมออโตเมชันมาจัดการให้ชีวิตดีขึ้น เชื่อมโยงการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีผ่านแอปพลิเคชัน MYHAUS ที่ควบคุม IoT ในบ้านได้เพียงปลายนิ้ว การใช้พลังงานทางเลือกอย่างโซลาร์รูฟ EV-Charger และการร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุตเพื่อมอบบริการดูแลสุขภาพและสิทธิประโยชน์แก่ลูกบ้าน

พฤกษา เรียลเอสเตท ยังมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรภายนอกที่จะมาสร้างความอยู่ดี มีสุข ให้เพิ่มขึ้นด้วย

จับตาดูยักษ์ใหญ่อสังหาฯ รายนี้ให้ดี

 

 

 



อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

ติดตาม Marketeer Online ทาง LINE Official


เพิ่มเพื่อน