“การคว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2023 แบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค ในหมวด “ผลิตภัณฑ์น้ำตาล” อีกครั้ง ถือเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทอย่างมาก เราเป็นแบรนด์น้ำตาลที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน การที่ผู้บริโภคยังคงนึกถึงเราเป็นอันดับหนึ่งจนได้รับรางวัลนี้อีกครั้ง จึงเหมือนเป็นกำลังใจและของขวัญให้กับพวกเราทุกคน”
ผรินทร์ อมาตยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการตลาด บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด กล่าวเปิดการสนทนากับ Marketeer ในโอกาสที่ “น้ำตาลมิตรผล” คว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2023 แบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค ในหมวด “ผลิตภัณฑ์น้ำตาล” ไปครองอีกหนึ่งสมัย
ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ของ “มิตรผล” สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณภาพสินค้าที่ดี ใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ พร้อมด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการดูแลเกื้อกูลเกษตรกร เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาชีพ ตามแนวคิด “ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ” พร้อมสะท้อนถึงความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด ให้ตอบรับกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “มิตรผล” ว่าเป็นเครื่องหมายแห่งคุณภาพและความใส่ใจ
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจในแบรนด์ของเรา คือ เราทำเรื่องของการสร้างแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าเราให้ความสำคัญในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ และด้วยการที่เราเข้าไปในตลาดนี้เป็นคนแรก ๆ เราก็ต้องพยายามผลักดันตัวเองให้ทำอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา มีความหลากหลาย มีรูปแบบต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการและผู้บริโภค พร้อมส่งมอบสินค้าที่มีมาตรฐาน มีคุณภาพ ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม”
รักษาความเป็นที่หนึ่ง คือความท้าทายของผู้นำ
ในส่วนของภาพรวมการแข่งขันในตลาดนั้น ผู้บริหารมิตรผลยอมรับว่า ปัจจุบันมีการแข่งขันสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ด้วยผู้เล่นหน้าใหม่ที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งการรักษาความเป็นอันดับหนึ่งไว้อย่างแข็งแกร่งเป็นหนึ่งในความท้าทายอย่างมาก
“สมัยก่อนเวลาคนนึกถึงน้ำตาลก็จะมีมิตรผลแบรนด์เดียว แต่วันนี้ในตลาดมีแบรนด์น้ำตาลไม่ต่ำกว่า 5-6 แบรนด์ ซึ่งมีการแข่งขันสูงขึ้นมาก ความยากของมิตรผล คือ ทั้งชื่อแบรนด์สินค้าน้ำตาลและชื่อองค์กร เป็นชื่อเดียวกัน คือ ‘มิตรผล’ เพราะฉะนั้นเวลาสื่อสาร ทำการตลาด หรือดำเนินการใด ๆ ต้องระมัดระวังเรื่อง Branding เป็นอย่างมาก
ความยากของการเป็นเบอร์หนึ่ง คือการรักษาความเป็นที่หนึ่งเอาไว้ ยิ่งการทำ Branding โดยมีส่วนร่วมกับ Corporate Brand มากขึ้น เวลามีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาหรือยกระดับคุณภาพด้วยเกณฑ์มาตรฐานที่สูงขึ้นเท่าไร เรายิ่งต้องทำให้ดีมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป เติมเต็มให้ทุกจุดให้มากขึ้น ตรงไหนที่ยังไม่ดีพอต้องรีบแก้ไขและพยายามทำตรงนั้นให้ดี อันไหนทำดีอยู่แล้วก็พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น”
และแน่นอนว่าการทำธุรกิจไม่สามารถหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้ กลยุทธ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นมูฟเมนต์ใหม่คือการเดินหน้าพัฒนาสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ ของผู้บริโภคได้อยู่เสมอ
“เทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนตลอดเวลา ปัจจุบันผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องสุขภาพมากขึ้น ซึ่งน้ำตาลมักถูกมองเป็นหนึ่งในผู้ร้ายอยู่เสมอ แต่การบริโภคทุก ๆ อย่าง ถ้ามากเกินไปล้วนไม่ดีทั้งนั้น
ดังนั้น มิตรผลจึงพยายามสื่อสารไปยังผู้บริโภคในเรื่อง “หวานแต่พอดี ทานแต่พอดี” คือ ถ้าคุณออกกำลังกายเยอะ คุณต้องทำงานใช้พลังเยอะ คุณดื่มหรือรับประทานของที่มีน้ำตาลได้ตามเหมาะสม เพราะคุณต้องใช้พลังงาน แต่หากคุณเป็นผู้สูงอายุหรือเด็กที่ไม่ได้ออกกำลัง ไม่ได้ทำงานหนัก ก็ควรรับประทานให้เหมาะสมตามหลักโภชนาการที่ดี
อย่างไรก็ดี น้ำตาลมีรสชาติ มีความหวานที่เป็นลักษณะเฉพาะ เราพูดเสมอว่า เวลาเรากินอะไรหวาน ๆ เราสดชื่น เรามีความสุข เพราะฉะนั้น การที่เรามีความสุขกับสิ่งเหล่านี้ต้องมาพร้อมกับความพอดีในการบริโภค เราจึงพยายามบอกผู้บริโภคเสมอว่า รับประทานแต่พอเหมาะพอควร ออกกำลัง ทำ Activity เยอะ ๆ สิ่งเหล่านี้ก็จะ Balance ในตัวของมันเอง”
พลิกโฉมแพ็กเกจผลิตภัณฑ์น้ำตาลทราย
พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่ม Flavored Syrup
ไม่เพียงแต่สื่อสารกับผู้บริโภคในเรื่องของ Branding ไปพร้อมกับสร้างความรู้ความเข้าใจในการบริโภคน้ำตาลอย่างพอดีแล้ว
มิตรผลยังได้มีการพลิกโฉมบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายแบบถุงให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยนำ “อ้อย” มาเป็นสัญลักษณ์ เพื่อสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ รวมถึงการนำเสนอขวดน้ำตาลรักษ์โลกดีไซน์ใหม่ ที่เน้นความสะดวกในการใช้ พร้อมรูปลักษณ์ทรงเหลี่ยม เรียบง่าย มินิมอล สามารถนำมาใช้ซ้ำได้มากกว่าเป็นแค่ขวดน้ำตาลธรรมดาทั่วไป โดยบรรจุภัณฑ์น้ำตาลมิตรผลทั้ง 2 รูปแบบ ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
“เราพยายามจะทำแบรนด์ของเราให้มีความทันสมัยและดูเด็กลงมา ตั้งแต่การสื่อสารไปจนถึงรูปแบบบรรจุภัณฑ์ เราได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้มีความสดใสยิ่งขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค Generation ใหม่
เช่น น้ำตาลทรายแบบถุง 1 กก. มีการออกแบบดีไซน์ใหม่ให้สีสดใส เพิ่มความโดดเด่นโดยนำรูปอ้อยมาจัดวางในแนวนอน เมื่ออยู่บนชั้นวางสินค้าท่อนอ้อยจะเรียงต่อกันระหว่างถุงน้ำตาล ดูสวย สะดุดตามากขึ้น หรือแบบขวดที่ Packaging ใหม่จะเป็นขวดสีน้ำตาลมาในดีไซน์ทันสมัย เพิ่มความสวยงามให้ครัวที่บ้านได้ เพื่อส่งเสริมการนำขวดกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก หรือ Stick Sugar ที่เราเข้าใจดีว่าผู้ประกอบการที่เป็นร้านอาหารคาเฟ่เก๋ ๆ เขาอยากเอาน้ำตาลไปวาง แต่ไม่อยากให้แบรนด์เราตะโกนเสียงดัง เราจึงปรับรูปแบบใหม่ ให้โลโก้เล็กลง แต่เพิ่มเรื่องการดีไซน์ให้ทันสมัยมากขึ้น ให้รับกับทุกรูปแบบการแต่งร้านยุคใหม่
สิ่งที่มิตรผลทำอยู่ตลอดเวลาคือ เราพยายามเข้าใจว่าผู้บริโภคและผู้ประกอบการต้องการอะไร ไม่ใช่ว่าเราพยายามยัดเยียดแบรนด์เราเข้าไปโดยที่ไม่ได้สนใจเขา เราให้ความสำคัญตรงนี้มากขึ้น โดยมีการ Redesign Packaging ทั้งหมด ด้วยการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ กลุ่ม”
นอกจากนี้ ยังได้ออก Sub-brand มาเติมเต็มในไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Flavored Syrup ที่มีรสชาติและกลิ่นให้เลือกสรรมากมาย ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านค้าสามารถสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างหลากหลาย และช่วยเพิ่มโอกาสให้กับร้านค้าในการสร้างกำไรได้มากยิ่งขึ้น
“4-5 ปีที่ผ่านมาตลาดน้ำเชื่อมบ้านเราคึกคักอย่างมาก และมีการเติบโตอย่างมีนัย ก่อนหน้านี้เราได้เปิดตัว ‘Senorita’ (เซนญอริตา) แบรนด์พรีเมียมไซรัป ซึ่งมีรสชาติและกลิ่นที่เน้นความหอมหวานแบบธรรมชาติ เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่เน้นการใช้ไซรัปคุณภาพนำไปเป็นส่วนผสมที่สร้างสรรค์ได้หลากหลายเมนู เช่น กลุ่มกาแฟ ม็อกเทล หรือค็อกเทลต่าง ๆ เป็นต้น
และล่าสุด เราได้เปิดตัว ‘Freshy’ (เฟรชชี่) เป็น Flavored Syrup ผสมน้ำและเนื้อผลไม้ โดยมุ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มตรงกลางลงมา เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น มีสินค้าที่รสชาติดี อร่อย เหมาะกับต้นทุนที่ต่ำลงมาจากเดิม ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลยังคงอยู่ในมาตรฐานระดับสูงของมิตรผลเช่นเดิม ซึ่งก็จะมีแคมเปญและกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อให้เรามีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้นต่อไป”
ผู้นำด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก
ในส่วนของ “ความยั่งยืน” ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างมากในทุกวันนี้ มิตรผลเราขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจังมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งล่าสุดกลุ่มมิตรผลสามารถก้าวสู่ผู้นำอันดับ 2 ของโลกด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร ที่จัดอันดับโดย S&P Global
“มิตรผลให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาเรามีการดำเนินการอย่างมุ่งมั่นและจริงจังมาโดยตลอดก่อนที่จะเป็นกระแสในปัจจุบันเสียอีก เนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำตาลมี Stakeholder เยอะมาก แค่กลุ่มชาวไร่มิตรผลของเราเองก็มีประมาณ 40,000- 50,000 ครอบครัวแล้ว ยังมีผู้ประกอบการขนส่ง ผู้บริโภคที่เป็น B2C ผู้บริโภคที่เป็น B2B หรือกลุ่มอุตสาหกรรมอีก รวมไปถึงคนที่อยู่รอบ ๆ โรงงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ของเรามากมาย
เมื่อมีผู้เกี่ยวข้องยิ่งมากเท่าไรเรายิ่งต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเราพูดถึงความยั่งยืนเราต้องมั่นใจว่า Stakeholder ทุกภาคส่วนของเราต้องมีความยั่งยืนอยู่กับเรา เราจึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาโดยตลอดผ่านหลากหลายโครงการที่ครอบคลุมในทุกมิติ
เราส่งเสริมให้เกษตรกรตัดอ้อยสด ลดการเผาอ้อย ส่งเสริมการทำไร่อ้อยสมัยใหม่แบบ Mitr Phol ModernFarm ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการเปิดรับซื้อใบอ้อยหลังตัดเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่พี่น้องเกษตรกร โดยเรานำใบอ้อยมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าชีวมวล พลังงานทดแทนที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนทำให้ผู้ประกอบการใน Supply Chain และ Stakeholder ของเราสามารถเติบโตไปด้วยกัน Green ไปด้วยกัน และยั่งยืนไปด้วยกัน
หรืออย่างบรรจุภัณฑ์พลาสติกของเราวันนี้ 95% สามารถ Recycle ได้ และเรามีความตั้งใจที่จะพัฒนาต่อไปให้สามารถเป็นพลาสติกที่ย่อยสลายได้ ซึ่งเป็นโจทย์ที่เราพยายามทำอยู่ตลอดเวลา และในอนาคตก็จะมีโจทย์ใหม่ ๆ ที่ท้าทายขึ้นไปอีก และเราพร้อมจะเดินหน้าต่อไป”
ทั้งนี้ มิตรผลยังมีผลิตภัณฑ์ในเครือที่คิดค้นและพัฒนาด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกมากมาย อาทิ น้ำแร่ธรรมชาติ VAVA จากแหล่งน้ำใต้ชั้นหินธรรมชาติแห่งผืนป่าเขาใหญ่ หนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ FOS ภายใต้แบรนด์ Vallex และ Priva ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ช่วยสร้างความสมดุลของระบบทางเดินอาหาร สามารถบริโภคหรือนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริม และอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PlaneX เม็ดพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ และ แบรนด์ CaneX บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เช่น ช้อน ส้อม มีด จากแป้งมันสำปะหลัง และหลอดจากชานอ้อย และ ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ (Plant-based Protein) ภายใต้แบรนด์ Meat Avatar ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายด้วยโปรตีนจากพืช เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกำลังเป็นเทรนด์อาหารที่น่าจับตามองอีกด้วย
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ