ในวันนี้เทรนด์ผู้บริการและเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้กับการตลาด เป็นอย่างไร
จากผลสำรวจ Bold Moves: Leading Southeast Asia’s next wave of consumer growth ของ Meta ร่วมกับ Bain & Company ฉบับล่าสุด พบว่า
เทรนด์ที่น่าจับตามองมีอยู่ด้วยกัน 5 เทรนด์ ได้แก่
1. อิทธิพลของ Gen Z
ประชากร Gen Z ที่เกิดระหว่าง ค.ศ. 1996-2012 ได้เริ่มก้าวสู่วัยทำงาน ที่มีรายได้ ที่จะใช้จ่ายเป็นของตัวเอง และได้กลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลในภูมิภาค
เพราะในปัจจุบันข้อมูลจากผลสำรวจนี้พบว่า Gen Z ในเอเชียแปซิฟิกมีจำนวนกว่า 500 ล้านคน และจะมีสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของประชากรในภูมิภาคอีกไม่นาน
โดยผลพฤติกรรม Gen Z จากผลสำรวจนี้พบว่า Gen Z เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเป็น Digital First
รวมถึงให้ความสำคัญกับความแตกต่าง ความถูกต้อง และมีเอกลักษณ์มากกว่าคนรุ่นอื่น ๆ
สำหรับประเทศไทยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยพบว่า มีประชากรกลุ่ม Gen Z ถึง 14 ล้านคน
และ Gen Z ในไทยมีความต้องการใช้เทคโนโลยี AR เพื่อหาสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่แบรนด์สามารถนำมาใช้เพื่อเข้าถึงกลุ่มนี้ได้ เช่น
67% สนใจระบบ AR เผื่อค้นหาแบรนด์ใหม่ ๆ
65% ต้องการใช้ระบบ AR เพื่อทดลองใช้สินค้าในร้านค้า
และในปีที่ผ่านมา Meta ศึกษา Gen Z ผ่านหัวข้อ 2023 Culture Rising
ผู้บริโภค Gen Z ให้ความสำคัญกับการช้อปปิ้งแบบไฮบริดมากขึ้น ช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์คู่ไปกับโลกดิจิทัล จึงต้องการทัชพอยต์ที่หลากหลาย ทั้งในช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ และบนสมาร์ตโฟน
46% ของ Gen Z ยังคงซื้อของที่หน้าร้าน เเต่ช่องทางออนไลน์ยังมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อ
88% จะหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขาสนใจบนโลกออนไลน์ก่อนที่จะเดินทางไปที่หน้าร้าน
80% ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการค้นหาข้อมูลสินค้า ในขณะที่พวกเขากำลังเดินเลือกซื้อสินค้าอยู่ในร้านค้า
2. การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจของครัวเรือนแบบอยู่คนเดียว (Solo Economy)
ผลสำรวจพบว่าจำนวนครัวเรือนในเอเชียแปซิฟิกมีขนาดเล็กลง และครัวเรือนแบบอยู่คนเดียวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในปัจจุบัน จาก 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตราการเพิ่มของครัวเรือนแบบอยู่คนเดียวสูงที่สุด
และมี 3 ประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยในประเทศไทยผลสำรวจคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการอาศัยอยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นถึง 20% ภายในปี พ.ศ. 2573
ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เช่น อัตราการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงความต้องการด้านการอยู่อาศัย สินค้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้พักอาศัยคนเดียวก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
รวมถึงรูปแบบการพักผ่อนและการเลือกรับสื่อก็ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะเปลี่ยนแปลงไป โดยความต้องการซื้อสินค้าขนาดเล็กจะเพิ่มสูงขึ้นและมีความถี่มากขึ้น และในอนาคตจะมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้นในการติดตามครีเอเตอร์ รวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบนโลกออนไลน์
3. เทคโนโลยี AI
ในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีที่เทคโนโลยี AI ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการพัฒนาเทคโนโลยี Generative AI
มีการคาดการณ์ว่าการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2567 และในอนาคต จากการที่วงการการตลาดและครีเอทีฟได้นำเทคโนโลยี Generative AI มาทดลองใช้ในหลากหลายขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ
ตั้งแต่การเขียนคำโฆษณา (copywriting) ไปจนถึงการสร้างสรรค์แนวคิดเชิงครีเอทีฟในการเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น
4. การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging)
ในแต่ละวันมีบทสนทนาระหว่างผู้ใช้งานทั่วไปกับธุรกิจบนแพลตฟอร์ม Meta กว่า 600 ล้านข้อความต่อวัน
ผลศึกษาระดับโลกล่าสุดโดย Kantar ที่สนับสนุนโดย Meta เผยว่า 71% ของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเลือกที่จะส่งข้อความหาเพจธุรกิจมากกว่าการหาข้อมูลบนเว็บไซต์
และ 69% ของลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าหรือทำธุรกิจกับบริษัทที่สามารถติดต่อได้ผ่านการส่งข้อความ
นอกจากนี้ สำหรับในประเทศไทย การส่งข้อความเชิงธุรกิจยังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องอย่างสูง
จากผลสำรวจ Bold Moves: Leading Southeast Asia’s next wave of consumer growth ถึงความคิดเห็นของผู้บริโภคไทย พบว่า
81% นิยมช่องทางออนไลน์ที่สามารถซื้อสินค้าได้
54% นิยมช่องทางออนไลน์เพื่อค้นพบสินค้าใหม่ ๆ
81% รู้สึกใกล้ชิดกับธุรกิจมากขึ้น เมื่อสามารถส่งข้อความหาธุรกิจได้โดยตรง
78% ที่ใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์ส่งข้อความหาธุรกิจอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
5. วิดีโอขนาดสั้น
ทีมวิจัยการตลาดธุรกิจและธุรกิจอัจฉริยะ (Business Marketing Research and Intelligence) ร่วมกับองค์กรวิจัย Factworks พบว่า
77% Gen Z มีแนวโน้มที่จะติดตามธุรกิจมากขึ้น
72% แท็กแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ หรือซื้อสินค้า หลังจากการรับชม Reels นอกจากนี้
84% ของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาคยังเคยแชร์ Reels ให้กับเพื่อนหรือครอบครัวอีกด้วย
–