“เจ้าสัว” ชื่อนี้อยู่มานานกว่า 65 ปี แต่เพิ่งจะได้เห็นการทำการตลาดที่เด่นชัดเมื่อห้าปีก่อน เพราะแต่เดิมคนจดจำชื่อเจ้าสัวในฐานะร้านขายของฝาก ปัจจุบันได้ก้าวสู่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) และมีส่วนแบ่งทางการตลาดมาเป็นอันดับ 1
คุณณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากที่เจ้าสัวได้ทำ Brand Transformation ในปี 2564 ทำให้แบรนด์เจ้าสัวเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมสูงมากขึ้น จนเกิดการรับรู้ในฐานะผู้เล่นในตลาดกลุ่มขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อสัตว์อย่างเต็มรูปแบบ
ในปีที่ผ่านมาตลาดขนมขบเคี้ยว 4 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโต 5% แต่เซกเมนต์ข้าวตังมีมูลค่าอยู่ที่ราว 1 พันล้านบาท เติบโตมากกว่า 15% ในเซกเมนต์ข้าวตัง เจ้าสัวมีส่วนแบ่งทางการตลาดมาเป็นอันดับ 1 ประมาณ 78.5% และตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู (Pork Snack) ประเภทหมูแท่งอยู่ที่ 57.2% ซึ่งถือเป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีศักยภาพสูง และยังมีช่องว่างในการเติบโตในกลุ่มตลาดของขนมขบเคี้ยวได้อีก
ผลิตภัณฑ์ของเจ้าสัวได้ปรับบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย พกพาง่าย รับประทานได้ง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน (Everyday Consumption) รองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งยังปรับภาพลักษณ์ให้เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ ทำให้ได้รับความนิยมยิ่งขึ้น จากเดิมที่ลูกค้า คือ กลุ่ม 25-44 ปี หันมาจับกลุ่มเด็กขึ้น เริ่มที่ 18 ปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มข้าวตังหนึ่งในสินค้าหลักของเจ้าสัว โดยรสชาติที่ขายดีที่สุดคือ ข้าวตังหน้าหมูหยองรสดั้งเดิม ข้าวตังหน้าหมูหยองพริกเผา ข้าวตังหน้ากุ้ง และข้าวตังหน้าสาหร่าย มองการเติบโตของยอดขายไม่น้อยกว่า 15% ทุกปี
ยอดขายแบ่งตามช่องทางการจำหน่าย แบ่งได้เป็น Modern Trade 37% Traditional Trade 30% ซึ่งช่องทางนี้มีพาร์ตเนอร์รวม 8,000 ร้านค้า ตั้งเป้าขยายไปให้ได้ 20,000 ร้านค้า
ปัจจุบันมีตลาดส่งออกถึง 12 ประเทศ โดยตลาดที่ใหญ่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน อเมริกา และฮ่องกง สัดส่วนยอดขายต่างประเทศเป็น 27% ของยอดขายทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ได้ภายในปีนี้ โดยในปีนี้บริษัทเตรียมเปิดตลาดเพิ่ม 2-3 ประเทศ ซึ่งมีเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในนั้น เนื่องจากมองเห็นโอกาสทางการตลาดที่ดี หลังมีไอดอลชาวเกาหลีนิยมซื้อรับประทานและเผยแพร่ไปบนโซเชียลมีเดีย
และเพื่อรองรับดีมานด์ที่ขยายตัวขึ้น วางแผนขยายโรงงานโดยทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับส่งออก ซึ่งจะช่วยให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว ทั้งนี้ ยังมีโรงงานที่ผลิตสินค้าสำหรับฮาลาลโดยเฉพาะแยกอีกแห่งด้วย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่รับประทานเนื้อหมู
ด้านการตลาด ตั้งงบประมาณ 70 ล้านบาท ทำการสื่อสารการตลาดเชิงพลวัต ด้วยการสื่อสารการตลาดผ่านแบรนด์แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) ซึ่งได้ เจมส์ – จิรายุ ตั้งศรีสุข มาเป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุดเพื่อสื่อสารตรงกับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยังทำการตลาดในต่างประเทศผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) เพื่อสร้างการรับรู้ให้แบรนด์มากยิ่งขึ้น
อัดแคมเปญ Taste The Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ รับสินค้าตัวอย่างและรางวัลพิเศษจากเจ้าสัวอีกกว่า 3 แสนชิ้น สร้างทางเลือกใหม่ในการเลือกรับประทานขนมขบเคี้ยวที่อร่อยง่าย ได้โปรตีน แบบไม่ต้องรู้สึกผิด แคมเปญนี้จะช่วยเปลี่ยนการรับรู้ของผู้บริโภค และขยายกลุ่มเป้าหมายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่มเจน Z ช่วยกระตุ้นยอดขายของไตรมาสแรกของปี คุณณภัทรกล่าวทิ้งท้าย
–


