‘ตลาดรถยนต์มือสองในไทย’ ยังไปต่อได้ ผู้บริโภค 80% หันซื้อออนไลน์ เพราะเทียบคุณภาพ, ราคาสะดวก จัดไฟแนนซ์ได้แล้ว ด้าน ‘อีวี’ ยังไม่เอฟเฟกต์ตลาด เหตุสัดส่วนน้อย สงครามราคามือ 1 กระทบหนัก  

คุณโชติวัฒน์ สฤษดิ์เวชวรกุล ผู้บริหาร บริษัท บีบีสมาร์ทคาร์ จำกัด กล่าวว่า สัดส่วนปริมาณการทำธุรกรรมการโอน ‘รถยนต์มือสอง’ เมื่อเทียบกับสัดส่วน ‘รถยนต์ใหม่’ มากกว่าอยู่เท่าตัว หรือประมาณ 2,000,000 คัน ต่อ 1,000,000 คัน ในปี 2023 ที่ผ่านมา

โดยดีมานด์ผู้บริโภคยังคงมีแนวโน้มที่ดี ถึงแม้ปี 2023 รถยนต์มือสองที่โดนยึดจะมีมากขึ้น ส่งผลให้ราคาตกลงมาตั้งแต่ช่วงปลายปีดังกล่าว ทั้ง NPL ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้บริษัทประเมินว่าเป็นเอฟเฟกต์ในระยะสั้น ถึงแม้จะส่งผลให้เต็นท์รถยนต์ทั้งรายใหญ่ รายย่อย มีการปิดตัวลง

ด้านประเด็นการประกาศปิดกิจการในไทยของผู้เล่นข้ามชาติที่ก่อตั้งในสิงคโปร์และเป็นผู้นำตลาดรถยนต์มือสองในอินเดีย ‘บริษัท คาร์ส24 กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด’ หรือ ‘CARS24 (คาร์สทเวนตี้โฟร์)’

บริษัทในฐานนะพาร์ตเนอร์เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย ให้ความเห็นว่าผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื่อง ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของ คาร์ส24 ขนาดนั้น เพียงแต่แผนการดำเนินธุรกิจไม่เป็นไปตามบิสิเนสแพลนของกรุ๊ปใหญ่ที่วางแพลนไว้

ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนจากซื้อเต็นท์รถยนต์ไหนก็ได้ หันมาให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของแบรนด์มากขึ้น เช่นเดียวกันกับการตัดสินใจร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ของสถาบันการเงิน

การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคปัจจุบัน หันซื้อรถยนต์มือสองผ่านทางออนไลน์ทั้งแพลตฟอร์มตรงและมาร์เก็ตเพลส มากถึง 80% เติบโตจากช่วงวิกฤตโรคระบาดซึ่งอยู่ที่ 50% และ 20% เป็นการมาซื้อที่เต็นท์รถ

ปัจจัยสำคัญมาจากเทคโนโลยีที่ซัปพอร์ต การซื้อง่ายต่อการเปรียบเทียบราคาและคุณภาพตัวรถ ตลอดจนการจัดไฟแนนซ์ได้ 100% ผ่านทางออนไลน์ และการที่ผู้บริโภคเลือกแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ก็ทำให้ไว้วางใจที่จะตัดสินใจซื้อผ่านทางออนไลน์มากขึ้นตามไปด้วย

กระแสตื่นตัวของ ‘รถยนต์อีวี’ แม้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่สัดส่วนก็ยังน้อยในระดับไม่ถึง 1% ของรถยนต์นั่งมือสองทั้งหมดในตลาด อย่าง ‘มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45’ ยอดจองรถยนต์อีวี 17,517 คัน คิดเป็น 32% แต่จนปัจจุบันมีถึง 70% ที่ยังไม่ได้ต่อเนื่องไปยังการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่

ตลอดจนราคารถยนต์นั่งที่ถูกเทิร์นมาเป็นมือสอง ภายในระยะเวลาใช้งาน 1 ปี กลุ่มสันดาป ราคาจะตกประมาณ 20% แต่ถ้าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจะตกประมาณ 30-40% เพราะสงครามราคาในตลาดมือ 1 ที่ยังคงแข่งขันกันสูง

ขณะที่โมเดล ‘Subscription’ บริษัทมองว่าเป็นคนละกลุ่มกับตลาดรถยนต์มือสองซึ่งผู้บริโภคมีพฤติกรรมซื้อขาดเป็นหลัก เพราะสามารถปรับแต่งรถได้ตามต้องการ

โดยส่วนของ ‘บีบีสมาร์ทคาร์ (BB Smart Car)’ นับเป็นโลคอลแบรนด์ซื้อ-ขายรถยนต์มือสองที่มียอดขายอันดับต้น ๆ ของตลาด และมีประสบการณ์ในตลาดรถยนต์มือสองมากว่า 20 ปี ยอดขายเฉลี่ยเดือนละ 400 คัน มีโชว์รูม 6 สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

สต๊อกรถยนต์จาก 1,200 คัน ปี 2023 เพิ่มเป็น 1,500 ในปี 2024 สัดส่วนหลักยังเป็นการซื้อผ่าน C2B หรือผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป 80% เพราะจะได้คุณภาพรถที่ดี ขณะที่กลุ่ม B2B อย่าง ลานประมูล อยู่ที่ 20%

โดยบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการมีการันตีคุณภาพ รถทุกคันต้องควบคุมคุณภาพของสินค้า ตั้งแต่การเลือกรับซื้อจากต้นทาง ตรวจรับเช็กคุณภาพ การซ่อมบำรุงทำความสะอาด พร้อมตรวจเช็กความเรียบร้อยก่อนนำไปขาย สามารถตรวจสอบประวัติได้ โดยเฉพาะ ‘เลขไมล์’ ที่เป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการพิจารณา

ทั้งจากพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดรถยนต์มือสองข้างต้น บริษัทจึงมีห้องสตูดิโอที่ใช้ถ่ายรูปสินค้าให้สวยงาม สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ แต่ถึงรูปสวยก็ไม่ใช่ว่าจะใช้เป็นเครื่องมือในการลบตำหนิของสินค้า

เพราะบริษัทมีการชี้แจงเกี่ยวกับประวัติของรถที่ผ่านมาด้วยความจริงใจ สร้างพื้นที่ให้ลูกค้าสามารถเข้ามาสำรวจสินค้าได้อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าใจในตัวสินค้า และมั่นใจในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น

โดยบนเว็บไซต์ของบริษัท ลูกค้าสามารถฟิลเตอร์หารถที่ชื่นชอบได้ทันทีในไม่กี่ขั้นตอน และปี 2025 บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัว ‘BB Flagship store’ บนแพลตฟอร์ม ซึ่งใช้งานง่าย น่าเชื่อถือ และมีข้อมูลครบครัน อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่กำลังเริ่มพิจารณาหารถมือสองคันใหม่

นอกจากนั้น บริษัทยังสร้าง ‘BB Shooting Studio’ ขึ้นมาเพื่อให้สามารถถ่ายรูปรถยนต์หลังการซ่อมบำรุง ทำความสะอาด และตรวจเช็กแล้วได้อย่างสวยงาม มีระบบ Car history display ที่จะช่วยแสดงประวัติการใช้งานของรถตั้งแต่ผู้ใช้คนแรกจนถึงปัจจุบันผ่านหน้าจอ พร้อมพนักงานคอยให้บริการข้อมูล

ทั้งวางระบบฝึกสอนทักษะ พร้อมเตรียมเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยสนับสนุนพนักงานขายให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และคงบริการจัดส่งรถให้ถึงที่ ฟรีทั่วประเทศ ตลอดจนการรับประกันที่มอบให้สูงสุดถึง 2 ปี หรือ 20,000 กม. ทั้งนี้ ถ้าหากไม่พอใจคุณภาพ บริษัทยังยินดีซื้อคืนภายใน 14 วัน


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer