วัลลภา ไตรโสรัส ความท้าทายในการต่อยอดพอร์ตอสังหาฯ AWC กว่า 1.4 แสนล้านบาทอีกครั้ง
วันที่ 10 เดือน 10 ปี 2562 บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) AWC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
เป็นหุ้นอสังหาฯ ที่ฮอตที่สุดในยุคก่อนเกิดวิกฤตโควิด
แต่กลับขาดทุนถึง 1,881 ล้านบาทในปี 2563
5 ปีผ่านไป
ปี 2566 AWC สามารถสร้างกำไรสูงถึง 5,105 ล้านบาท สูงที่สุดในรอบ 5 ปี จากรายได้ 19,011 ล้านบาท
และยังทำรายได้สูงสุดต่อเนื่องใน Q1/2567 โดยมีรายได้ 5,440 ล้านบาท กำไร 1,605 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจโรงแรม 61% อาคารสำนักงาน 20% ศูนย์การค้า 18% และธุรกิจค้าส่ง 2%
วันนี้ AWC กำลัง Turnaround
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เป็นลูกสาวของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ที่ถูกมอบหมายให้เป็นผู้พัฒนาและต่อยอดทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล
เธอคอยเวลาให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตอย่างอดทน ตลอดระยะเวลา 5 ปีนั้นเธอไม่เคยหยุดซื้อกิจการ โดยใช้กลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) เสริมศักยภาพพอร์ตโฟลิโอในระยะยาว
และได้รวมโครงการคุณภาพทั้งหมดที่มีนำมาวางกลยุทธ์สมดุลในการจัดพอร์ตโฟลิโอ เพื่อการสร้างรายได้ให้เข้ามาในแต่ละช่วงเวลา
1 ม.ค. 2563 ก่อนโควิดอาละวาดในเมืองไทย วัลลภาซื้อโรงแรมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ถึง 12 แห่ง
ต้นปี 2564 ก็ยังไปซื้อโรงแรมซิกมารีสอร์ท จอมเทียนพัทยา มาเสริมพอร์ต และเผยโฉม 3 โครงการใหญ่ที่วันนี้กำลังก่อสร้าง คือ ASIATIQUE THE RIVERFRONT DESTINATION ริมแม่น้ำเจ้าพระยา AQUATIQUE DISTRICT PATTAYA มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองพัทยา และเวิ้งนาครเขษม Mixed Development ที่ลงทุนกว่า 16,000 ล้านบาท ย่านไชน่าทาวน์
ปี 2565 โควิดเพิ่งเริ่มคลี่คลาย AWC ได้เข้าซื้อสิทธิสัญญาเช่าศูนย์การค้าเกทเวย์ เอกมัย ซื้อโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียวแบงค็อก วินด์เซอร์ ซื้อโรงแรม เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต
พร้อมกับวางแผนกลับไปยึดเมืองท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเป็นฐานที่มั่นในการสร้างรายได้ ด้วยความมั่นใจว่าการท่องเที่ยวจะต้องกลับมาอย่างรวดเร็ว
เชียงใหม่ คือ เมืองที่ตระกูลสิริวัฒนภักดีเข้าไปเป็นแลนด์ลอร์ดมานานกว่า 3 ทศวรรษ มีโครงการโรงแรมต่าง ๆ และที่ดินเก็บมากมาย หลายปีหลังมานี้มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนนี้อย่างต่อเนื่อง
เช่น การซื้อ “โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่” จากกลุ่มดุสิตธานี การเปิดโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ การเปิดโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล ที่ใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาทในการรีโนเวตโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง โรงแรมแห่งแรกที่ตระกูลนี้ซื้อมาตั้งแต่ปี 2530
ปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเดินหน้าพัฒนา “ลานนาทีค เดสทิเนชั่น” (Lannatique) บนที่ดินกว่า 100 ไร่ กลางเมืองเชียงใหม่ และเข้าลงทุนในทรัพย์สินบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านช้างคลานเพิ่มเติม
ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกในปลายปี 2567 นี้ ต่อด้วยการเปิดโครงการเฟสต่าง ๆ ต่อเนื่องในช่วง 5 ปี ด้วยงบลงทุน กว่า 11,950 ล้านบาท
ปี 2566 ถึงยุคฟ้าเปิดอีกครั้ง คราวนี้ AWC เร่งสร้างรายได้ระยะสั้นจากการลงทุนเปิดร้านอาหารทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
รวมถึงการเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินดำเนินงานผ่านการเปิดห้องอาหารและคาเฟ่ชั้นนำระดับโลกในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่
อีกโครงการที่น่าจับตา เพราะรอเวลามานานหลายสิบปีกับการเข้าไปลงทุนเพิ่มในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในไพรม์โลเคชั่นในอีก 2 จุดหมายสำคัญ คือ โครงการโอพี การ์เด้น ย่านบางรัก เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการแฟลกชิป โรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ที่พัฒนาจากอาคาร EAC (East Asiatique Company) อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อายุกว่าศตวรรษ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ
คาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณไตรมาสที่ 4 ปี 2570
และโครงการโรงแรมบนถนนสุขุมวิท 38 เพื่อพัฒนาโครงการโรงแรมด้านเวลเนส คาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 2571
ใน Q1/2562 มีจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการทั้งหมด 22 โรงแรม รวมจำนวน 6,029 ห้อง และห้องอาหาร (Restaurant Outlet) อีกกว่า 80 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในโรงแรมและจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย
นี่ยังไม่รวมพอร์ตของกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ เพื่อการพาณิชย์ เช่น คอมมูนิตี้ ช้อปปิ้งมอลล์ คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต และศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ
รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าส่ง และอาคารสำนักงาน อีกมากมาย
วันนี้ บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ที่ 149,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.0 เมื่อเทียบกับปี 2562
คงไม่ผิดถ้า Marketeer จะบอกว่า วัลลภา ไตรโสรัส คือ “เจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์ยุค 2024” เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่กำลังบริหารทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดของเมืองไทย
———–
หมายเหตุ: กลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) ของ AWC มีการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย
1. NEAR-TERM Growth การเติบโตจากทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ในช่วงระยะเวลาอันใกล้
2. MEDIUM-TERM Growth การเติบโตจากทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นทรัพย์สินดำเนินงาน
3. LONG-TERM Growth การเติบโตจากการลงทุนในแผนพัฒนาสำหรับการเติบโตระยะยาว ด้วยการเร่งแปลงทรัพย์สินระหว่างพัฒนามาเป็นทรัพย์สินดำเนินงาน ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถของทรัพย์สินช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (Ramp Up) มาสู่ระดับดำเนินงานปกติ (Mature) เพื่อสร้างกระแสเงินสดและเพิ่มศักยภาพในการสร้างกำไรจากการดำเนินงานอย่างยั่งยืน
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
