จะร้อน ฝน หรือลมหนาว ประเทศไทยก็ยังต้องมีพัดลมสักเครื่องติดบ้านไว้ เพราะไม่ว่าอย่างไรอากาศประเทศไทยร้อนทุกวัน ตลาดพัดลมในไทยจึงมีมูลค่าเชิงปริมาณที่มากกว่า 10 ล้านตัว และในจำนวนนี้ 7 – 7.5 ล้านตัว เป็นส่วนแบ่งของฮาตาริแบรนด์พัดลมที่ครองใจคนไทยมานานถึง 34 ปี
คุณชัญญา พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานขายและการตลาด (Sales & Marketing Assistant Managing Director) บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาฮาตาริมีรายได้ 7,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรก 2024 ยอดขายพัดลมเติบโต 10% และคาดว่าจะสามารถรักษาฐานการเติบโตนี้ไว้ได้ตลอดทั้งปี
แต่ในตลาดนี้จำนวนพัดลมที่มีอยู่ในตลาดมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ทุกบ้านมีพัดลมครอบครองในปริมาณที่เพียงพอ จึงทำให้ตลาดโตต่อไปได้ยาก ดังนั้น การสร้างโอกาสในการใช้ นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ดีไซน์พิถีพิถันที่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ในขณะเดียวกันเมื่อวิถีชีวิตผู้คนเปลี่ยนไป ใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าถูกมองเป็นมากกว่าเครื่องใช้ แต่เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการตกแต่งบ้าน อันสะท้อนถึงรสนิยมของผู้อยู่อาศัย
อย่างเช่นในอดีต ลูกค้าโดยเฉพาะในชุมชนเมือง รวมถึงตลาดในแถบอาเซียน จะชื่นชอบพัดลมที่มีความแวววาว สีสันสะดุดตา การออกแบบตัววัสดุจึงต้องเน้นความโดดเด่น แต่ปัจจุบันเทรนด์ผู้บริโภคในเมืองชื่นชอบกับสินค้าที่มีความมินิมอล เพิ่มความโค้งมนให้ดูสบายตา เน้นความเรียบง่าย เนื้อสัมผัสแบบด้าน ที่มาในโทนสีพาสเทล ขาว ดำ จะได้รับความนิยมสูงกว่า เพราะทำให้บ้านดูดีแบบมินิมอล
อย่างไรก็ดี ในกลุ่มผู้สูงอายุ หรือในต่างจังหวัด อาจยังชื่นชอบพัดลมที่มีสีสันอยู่
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ส่วนแบ่งตลาดในภาคการผลิตและจัดจำหน่าย
“ผลิตภัณฑ์ของฮาตารินับตั้งแต่รุ่นเก่า บริษัทเตรียม Re-Design ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากดีไซน์แบบเดิมไม่สอดรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และเพื่อให้เข้าถึงลูกค้า New Generation ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตต่างไป ซึ่งกลยุทธ์การ Re-Design นี้ คาดว่าจะช่วยผลักดันให้ฮาตาริกลายเป็นสินค้า Living Space ผสานเข้ากับวิถีชีวิตผู้คนทุกเจเนอเรชัน ทำให้ผู้บริโภคและแบรนด์เติบโตไปพร้อมกัน และสร้าง Brand Awareness มากยิ่งขึ้น” คุณชัญญา กล่าว
คุณทัศน์ลักษณ์ พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการวิจัยและพัฒนา (Research & Development Assistant Managing Director) กล่าวเสริมว่า ในปีนี้บริษัทโฟกัสที่การทำ Branding โดยชู Core Essence ของแบรนด์ บนหลักการ Design Value 4 ส่วน ประกอบด้วย
- “Form” รูปลักษณ์ภายนอก
- “Details” รายละเอียดผลิตภัณฑ์
- “CMF” (Colour, Material, and Finish) สีและวัสดุ
- “Interaction” ความรู้สึกที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคาเข้าถึงทุกครอบครัว
โดยการ Re-Design นั้น จะปรับในส่วนของสีให้เป็นเฉดที่นิยมในปัจจุบัน เช่น สีเบส สีขาว-ดำ-เทา และสีโทนอื่นแต่ต้องอยู่ในเฉดเเบบพาสเทล ไม่ใช่สีจัดจ้านเช่นในอดีต รวมทั้งเพิ่มความโค้งมนของขอบพัดลม ลดเหลี่ยม ให้มองสบายตามากขึ้น โดยจะทยอยปรับโฉมพัดลมให้ครบทุกรุ่นที่ฮาตาริมี
ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ฮาตาริจับมือกับ Habits Design Studio สตูดิโอด้านการออกแบบเชิงอุตสาหกรรมจากมิลานที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อพัฒนาการออกแบบ เชื่อมระหว่างองค์ความรู้ดั้งเดิมของฮาตาริด้านการผลิตสินค้าที่เข้าใจคนไทย เข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการออกแบบ
นอกจากนั้น บริษัทมีทีม R&D วิจัยและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงเทรนด์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ยึด Consumer Research เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
การทยอยปรับเปลี่ยนดีไซน์พัดลมรุ่นเก่าให้เหมาะกับผู้บริโภคยุคปัจจุบัน และเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ เช่น พัดลมพกพา พัดลมตั้งโต๊ะ ในครึ่งปีหลังเตรียมลอนช์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ปรับโฉมการดีไซน์ใหม่ ภาพลักษณ์ทันสมัย อาทิ พัดลมติดผนัง พัดลมตั้งโต๊ะ (Win Box) พัดลมสไลด์ควบคุมรีโมต ที่จะมาในภาพลักษณ์ใหม่ เหมาะกับการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม
ด้วยความที่ฮาตาริมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนเอง ทำให้ผู้บริโภคไม่เป็นกังวลเรื่องบริการหลังการขาย โรงงานผลิต 2 แห่ง ที่พระรามสอง และปราจีนบุรีอีก 1 แห่ง ซึ่งการปรับโฉมผลิตภัณฑ์ต้องลงทุนแม่พิมพ์ใหม่หลายเครื่อง ราคาลงทุนเฉลี่ยเครื่องละ 5 แสนถึง 1.5 ล้านบาท
ตลาดต่างประเทศในปีนี้ ฮาตาริตั้งเป้าขยายตลาดส่งออกเพิ่ม 10% เจาะกลุ่มประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เป็นต้น เนื่องจากปัจจัยทางภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อน ที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นกว่าทุกปี รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงกัน
“ความได้เปรียบของแบรนด์ไทย คือ ตลาด CLMV ชื่นชอบสินค้าฉลาก made in Thailand เป็นทุนเดิม เช่น เวียดนามมักจะซื้อสินค้าที่มีฉลาก คู่มือ รายละเอียดต่าง ๆ เป็นภาษาไทย และในประเทศกัมพูชา ก็เป็นตลาดใหญ่ของฮาตาริที่บริษัทเข้าไปทำการตลาด 20 ปีที่แล้ว ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี” คุณทัศน์ลักษณ์
ปี 2567 นี้ ฮาตาริวางกลยุทธ์สื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้เชื่อมโยงเข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ ที่ผ่านมาฮาตาริเปิดตัวแคมเปญคนติด COOL ผลิตพัดลมขนาดเล็กและนำเสนอพัดลมพกพา ตอบโจทย์ชีวิตกลางแจ้งของคนไทย และลุยจับกลุ่มแฟนด้อม จัดกิจกรรมออกพัดลมพกพาสีพิเศษเขียวมะนาวสำหรับแฟนคลับ Got7 #อากาเซ่ติดCOOL แคมเปญประสบความสำเร็จและได้รับกระแสตอบรับที่ดี
และในเดือนมิถุนายน เปิดแคมเปญแห่งปี Shaped By Wind #พัดไทยให้ไกลกว่าเดิม เล่าผ่านฮีโร่คนไทยในหลากหลายสาขาอาชีพ หนึ่งในนั้นคือ เทนนิส นักกีฬาเทควันโดโอลิมปิกของไทย ที่เตรียมแข่งขันครั้งสุดท้ายในโอลิมปิก 2024 เพื่อจุดประกายแรงบันดาลใจ
“คุณจุน และคุณสุนทรี วนวิทย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ฮาตาริ กล่าวไว้ว่า ‘โตจากเรื่องลม ทำเรื่องลมให้ดีก็เพียงพอ’ และจริงใจกับผู้บริโภค เป็นสิ่งที่ฮาตาริยึดมั่นเสมอมา”
–





