Work/ในตลอด 5 วันทำงานมีเรื่องมากมายร้อยแปดให้ทำให้จัดการ และไม่ได้มีเฉพาะแต่เรื่องงานอย่างเดียว โดยอีกเรื่องใหญ่ที่คนวัยทำงานต้องตัดสินใจคือ การตัดบทสนทนา

บรรทัดต่อจากนี้คือสถานการณ์ลำบากใจเมื่อต้องเจอ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Marketeer มีประโยคตัดบทที่สามารถนำไปใช้ฝ่าทางตันได้
“ได้ครับ/ค่ะ แต่….” : สถานการณ์แรก ๆ ที่ทำให้พนักงานส่วนใหญ่ลำบากใจ คือ หัวหน้าสั่งงาน ทั้งที่ตัวพนักงานเองก็มีงานล้นมืออยู่แล้ว โดยประโยคตัดบทที่ควรนำมาใช้คือ

“ได้ครับ/ค่ะ แต่….” แล้วตามมาด้วยเงื่อนไข ข้อเสนอ หรือทางเลือกต่าง ๆ เช่น “ได้ครับ/ค่ะ แต่ขอให้ทำงานนี้เสร็จก่อนนะครับ/ค่ะ” , “ได้ครับ/ค่ะ แต่ขอเลื่อนวันส่งออกไปหน่อยนะครับ/ค่ะ”
และ “ได้ครับ/ค่ะ แต่ขอหัวหน้าหาคนมาช่วยสักคนนะครับ/ค่ะ” การตัดบทลักษณะนี้แสดงให้หัวหน้ารู้ว่า คุณยังพร้อมทำงาน และพึ่งพาได้เสมอ
แต่ก็ไม่ทิ้งงานในมือ ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณให้หัวหน้ารู้ว่า หากอยากให้งานเสร็จก็ต้องหาทางช่วยเหลือด้วย
“ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ/ค่ะ”: สถานการณ์ถัดมาที่พนักงานพูดตรงกันว่าลำบากใจ คือต้องเข้าประชุมทั้งที่งานยุ่ง ซ้ำร้ายยังรู้ว่า เป็นการประชุมที่ประเด็นไร้ทิศทางชัดเจนอีกด้วย
วิธีตัดบทจากสถานการณ์นี้คือ ยกมือขึ้นแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ/ค่ะ” แม้อาจต้องรวบรวมความกล้าพอสมควร แต่ก็เป็นเรื่องที่สมควร

และคนในห้องประชุมก็ยอมรับได้ เพราะถ้างานคุณไม่เสร็จย่อมกระทบต่อความก้าวหน้าของคุณและบริษัท
“ได้สิ แต่แค่ 5 นาทีนะ”: สถานการณ์สุดท้ายที่ทำให้ชาวออฟฟิศลำบากใจ คือการรับมือกับเพื่อนร่วมงานขี้บ่น หรือหาคนแชร์เรื่องเครียดที่ตนกำลังเผชิญอยู่ แต่โนสนโนแคร์ว่าอีกฝ่ายจะมีงานยุ่งหรือไม่
วิธีตัดบทที่ได้ผลคือ พูดกับเพื่อนร่วมงานคนนี้ไปว่า “ได้สิ แต่แค่ 5 นาทีนะ” โดยนี่แสดงให้เห็นว่าคุณยังพร้อมรับฟัง พร้อมเป็นคนให้คำปรึกษาเท่าที่มีเวลา

ขณะเดียวกันก็เป็นการปฏิเสธแบบไม่ตัดเยื่อขาดใย และเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้เพื่อนร่วมงานคนดังกล่าวเกรงใจคุณบ้าง
ส่วนถ้าบทสนทนายังยืดเยื้อก็บอกไปตรง ๆ ว่า “ขอตัวไปทำงานก่อนนะ” เพื่อให้คู่สนทนาหยุดอย่างสุภาพ/cnbc
–
