Trend/ทั้งที่เป็นเครื่องดื่มดีกรีแรง และเคยดื่มกันเฉพาะในประเทศ แต่ต้องยอมรับว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้ โซจู เหล้าหมักของเกาหลีเป็นที่รู้จักและนิยมกันไปทั่วโลกมากขึ้นจนมีขายอยู่ในหลายประเทศ

ควบคู่ไปกับอาหารอื่น ๆ ของเกาหลี อย่าง กิมจิ และรามยอน ถือเป็นความสำเร็จในการส่งออกวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ และต้นแบบอำนาจอ่อน (Soft power) ที่แปรกลับมาเป็นรายได้เข้าประเทศ ร่วมกับสินค้าอื่น ๆ ของเกาหลีใต้

ไล่ตั้งแต่คอนเทนต์บันเทิงและเพลง K-pop ไปจนถึงสินค้าเทคโนโลยีแบรนด์เกาหลีใต้ เช่น Samsung และ LG ทว่ากำลังเกิดสถานการณ์ที่สวนทางกันระหว่างโซจูต่างประเทศกับในประเทศ

ตามตัวเลขกรมศุลกากรเกาหลีใต้ระบุว่า ครึ่งแรกปี 2024 มูลค่าส่งออกโซจู อยู่ที่ 48.3 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,655 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 4.7% จากกรอบเวลานี้ของปี 2023
ถ้าครึ่งปีหลังทำได้มากกว่านี้หรือใกล้เคียง มูลค่าส่งออกทั้งปี 2024 อาจมากกว่ามูลค่าส่งออก 114 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,900 ล้านบาท) ของปี 2023 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2013 ที่ยอดส่งออกทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,400 ล้านบาท)
เพิ่มต่อเนื่องจาก 82.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,800 ล้านบาท) ของปี 2021 และ 93.3 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,200 ล้านบาท) ของปี 2022
ขาขึ้นของโซจูเกาหลีใต้ในต่างประเทศ ซึ่งหลักฐานคือโซจูแบรนด์เกาหลีใต้ อย่าง Jinro ของบริษัท HiteJinro และ Chum Churum ของบริษัท Lotte Chilsung มีขายอยู่ตามร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และสะดวกซื้อทั่วโลก รวมถึงในไทยนี้
มาจากการที่ตัวละครในหนังและซีรีส์เกาหลีใต้แทบทุกเรื่องดื่มแต่โซจู เมื่อไปร้านอาหาร ดื่มในบ้าน ทั้งเพื่อฉลอง สังสรรค์หรือบรรเทาความเศร้าความผิดหวัง อันถือเป็นความสำเร็จของแผน Soft power เกาหลีใต้
ทว่าในเกาหลีใต้เองกับตรงกันข้าม โดยสื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ยอดขายโซจูในประเทศลดลง จากการที่ชาวเกาหลีใต้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยลง โดยเฉพาะโซจูน้อยลง หรือถ้าดื่มก็ดื่มที่ดีกรีน้อย อย่างไฮบอล มากกว่า

เรื่องแนวโน้มการดื่มของชาวเกาหลีใต้ ยังแตกออกมาอีกประเด็นคือ ชาวเกาหลีใต้รุ่นใหม่หรือกลุ่ม Gen Z ที่เพิ่งเริ่มทำงาน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทน้อยลง หรือไม่ดื่มเลย
เพราะ ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไม่อยากมีภาพตัวเองเมามายปรากฏในสื่อโซเชียล อยากพักผ่อนโดยมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และยังเห็นว่าธรรมเนียมการดื่มสังสรรค์อย่างหนักหลังเลิกงาน ที่เรียกในภาษาเกาหลีว่า โฮซิก นั้นไม่จำเป็น

ถึงขนาดมีการตั้งกลุ่มต่อต้าน โฮซิก และแจ้งเหตุร้ายที่เกิดจากโฮซิก เพื่อชี้ให้เห็นถึงผลเสียโฮซิกกันเลยทีเดียว
Gen Z เกาหลีใต้ทั้งชายหญิงเห็นตรงกันว่าเลี่ยงได้จะดีต่อทั้งสุขภาพ และในกรณีผู้หญิง เห็นว่าหากเลี่ยงโฮซิกได้จะเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกพนักงานร่วมบริษัท โดยเฉพาะผู้ชายที่อายุมากกว่าและตำแหน่งสูงกว่า คุกคามทางเพศได้อีกด้วย
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงของ Gen Z เกาหลีใต้ ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับ Gen Z ทั่วโลกที่กำลังกระทบต่อตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบทุกประเภท
เช่นในกรณีของเบียร์ในญี่ปุ่น ซึ่งฉุดยอดขายลดลง จน Kirin บริษัทผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของประเทศต้องปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์และการลงทุน

พลิกมาผลิตผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ อย่าง ผลิตน้ำผสมจุลินทรีย์ และซื้อกิจการของแบรนด์วิตามิน Blackmore

ขณะที่ Pernod Ricard เครือแบรนด์ สุรา เบียร์ และไวน์ ใหญ่ของฝรั่งเศส ก็เพิ่งขายแบรนด์ไวน์ รวม 10 แบรนด์ทิ้งไป หลังยอดขายตก โดยเมื่อปี 2023 การบริโภคไวน์ทั่วโลกต่ำสุดในรอบ 30 ปี

และปี 2024 สถานการณ์คงยังไม่ดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็จากคนรุ่นใหม่ดื่มไวน์กันน้อยลงนั่นเอง/koreatimes, telegraph
–
