ความเปลี่ยนแปลงย่อมทำให้ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบต้องปรับตัว และบางครั้งเมื่อมันมาถึงก็สะเทือนถึงเบอร์ใหญ่ เหมือน Kirin ยักษ์เครื่องดื่มของญี่ปุ่น ที่ตอนนี้อยู่ระหว่าง ‘ปรับสูตร’ ครั้งใหญ่ที่ต่อจากนี้อาจทำให้ธุรกิจหลักถูกลดความสำคัญลง แล้วธุรกิจรองขึ้นมาเป็นพระเอกแทน
Kirin เพิ่งจับมือกับ Coca-Cola Japan ในเครือ Coca-Cola ที่ดูแลธุรกิจในญี่ปุ่นให้ค่ายน้ำอัดลมใหญ่สัญชาติอเมริกัน พัฒนาเครื่องดื่มออกมา 3 ตัว โดยเรื่องนี้แตกออกมาเป็นสองประเด็น หนึ่งคือฝ่ายหลังนำ LC-Plasma จุลินทรีย์แบบมีชีวิตของฝ่ายแรกที่ช่วยให้ระบบในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ไปใส่ในเครื่องดื่ม
ถือเป็นความร่วมมือของแบรนด์คู่แข่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นดีลธุรกิจแบบ Win-Win
ส่วนอีกประเด็นที่แตกออกมาและต้องจับตามองมากกว่าคือ Kirin กำลังปรับโครงสร้างธุรกิจ หันไปให้ความสำคัญกับกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น ทั้งที่เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าในหมู่ชาวญี่ปุ่นและผู้ที่หลงใหล ‘ความญี่ปุ่น’ ว่า Kirin คือหนึ่งในเบอร์ใหญ่ในตลาดเบียร์และสุราของญี่ปุ่น
งบที่ Kirin ทุ่มลงไปกับโปรเจกต์นี้สูงถึง 900 ล้านดอลลาร์ (ราว 32,600 ล้านบาท) และยังเป็นครั้งแรกที่เม็ดเงินพัฒนาธุรกิจของกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ แซงหน้ากลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม ‘มีแอล’ อันถือเป็นธุรกิจหลักอีกด้วย
ท่ามกลางตัวเลขกำไรของเครื่องดื่มสุขภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขึ้นมาอยู่อันดับสองของธุรกิจในเครือทั้งหมด เป็นรองแค่ธุรกิจเครื่องดื่ม ‘มีแอล’ ทั้งหลาย แม้ยังห่างกันพอสมควรก็ตาม
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ Kirin มีที่มาจากหลายปัจจัย เริ่มจาก ตลาดเครื่องดื่ม ‘มีแอล’ ทั้งหมดในญี่ปุ่น หดตัวอย่างมาก เพราะคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่โดยเฉพาะวัยทำงาน ไม่นิยมดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานเหมือนที่คนรุ่นก่อน ๆ มองว่าจำเป็นต่อการสานสัมพันธ์ในสังคมการทำงาน
ตามผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้เผยว่า คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่มองว่าการดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานไม่จำเป็น และเสียเวลาพักผ่อนหลังต้องทำงานแบบ Work from Home มาตลอดทั้งวัน ประกอบกับเศรษฐกิจก็ฝืดเคือง จนรายได้จากการทำงานก็ไม่เหลือมากพอให้ไปสังสรรค์เหมือนในอดีตแล้ว
ปัจจัยต่อมาคือคนญี่ปุ่นหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้นจากผลกระทบของสถานการณ์โควิดตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จึงมองว่าอาหารกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกลายเป็นสินค้าขายดี ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องดื่มที่มี LC-Plasma ของ Kirin ก็เข้าข่ายนี้
ปัจจัยที่สามที่ผลักดัน Kirin หันมาให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้นคือ เสียหายพอสมควรจากการถอนตัวจากเมียนมา หลังรัฐบาลทหารขึ้นสู่อำนาจ ดังนั้นจึงต้องเร่งพัฒนาธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อชดเชยเม็ดเงินที่หายไป
ปัจจัยสุดท้ายที่ทำให้ Kirin ตัดสินใจทุ่มงบก้อนใหญ่ให้กับกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ พร้อมเพิ่มความสำคัญให้ส่วนธุรกิจนี้ คือการเติบโตของตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทั่วโลก ซึ่งคาดกันว่าเมื่อถึงปี 2027 มูลค่าตลาดจะเพิ่มเป็นมากถึงล้านล้านดอลลาร์ สวนทางกับเครื่องดื่มกลุ่ม ‘มีแอล’ ทั้งหมดที่มีแต่จะลดลง ๆ/nikkei
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ