Gen B หรือที่รู้จักกันในชื่อ Baby Boom Generation หมายถึงกลุ่มคนที่เกิดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง (ระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507 หรือ ค.ศ. 1946-1964) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการเพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดประชากรอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ผู้คนมีความรู้สึกมั่นคงมากขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้มีการสร้างครอบครัวและมีลูกจำนวนมาก ส่งผลให้ประชากรในช่วงนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
พฤติกรรมบริโภคและการใช้ชีวิตของ Gen B
ผู้บริโภคในกลุ่ม Gen B มีลักษณะพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากเจนเนอเรชันอื่น ๆ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. การบริโภคที่คำนึงถึงคุณค่าและคุณภาพ:
กลุ่ม Gen B มักจะเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพดีและคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย เนื่องจากพวกเขาเคยผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตในช่วงที่เศรษฐกิจไม่มั่นคงหรือมีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับการลงทุนในสินค้าที่มีคุณภาพสูงและสามารถใช้งานได้ยาวนาน
2. ความพอใจในการซื้อสินค้าแบรนด์ดั้งเดิมและเชื่อถือได้:
คนในกลุ่ม Gen B มีแนวโน้มที่จะภักดีต่อแบรนด์ที่พวกเขาเชื่อถือมาอย่างยาวนาน พวกเขามักจะเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่เคยใช้และรู้สึกพึงพอใจ เพราะรู้สึกว่าความเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการลองใช้แบรนด์ใหม่ ๆ
3. การบริโภคที่คำนึงถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี:
ในช่วงที่ Gen B เข้าสู่ช่วงวัยที่เริ่มมีการเจ็บป่วยและปัญหาสุขภาพมากขึ้น การดูแลสุขภาพจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ พวกเขามักจะเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ อาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
4. ความถนัดในเทคโนโลยีดิจิทัลระดับกลาง:
แม้ว่ากลุ่ม Gen B จะไม่ได้เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลเช่นเดียวกับเจนเนอเรชันที่อายุน้อยกว่า แต่พวกเขาก็พยายามปรับตัวและเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น สมาร์ทโฟน โซเชียลมีเดีย และการช้อปปิ้งออนไลน์ เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับครอบครัวหรือเพื่อน และรักษาความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน
5. การใช้ชีวิตที่เน้นความสุขและความมั่นคงในวัยเกษียณ:
สำหรับ Gen B การเตรียมตัวเข้าสู่วัยเกษียณเป็นเรื่องสำคัญ พวกเขามักจะมีการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณอายุ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายและไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาในการทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ เช่น การเดินทาง ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมเพื่อสังคม
สรุป
Gen B หรือ Baby Boom Generation เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความสำคัญและมีพลังซื้อสูง พวกเขาให้ความสำคัญกับคุณภาพและความคุ้มค่าของสินค้า รวมถึงการดูแลสุขภาพและความมั่นคงในชีวิต การเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดและการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อกลุ่มผู้บริโภคนี้ ♦