ตลาดกล้องในไทย ‘มิเรอร์เลสฟูลเฟรม’ ตัวแบก ครีเอเตอร์อัปเกรดเป็นตัวไฮบริดภาพนิ่ง-วิดีโอ ช่างภาพยกเครื่องใหม่รับอีเวนต์ งานข่าวกีฬา เข้าช่วงคึกคักตลอดครึ่งปีหลัง ประเมินเงินสะพัดทั้งปีกระเตื้องเล็กน้อย อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท
มร. ฮิโรชิ โยโกตะ / เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข
มร. ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ครึ่งแรก (ม.ค. – มิ.ย.) ปี 2024 ‘ตลาดกล้องในไทย’ ยูนิตเติบโต 15% มูลค่าเติบโต 25% ‘มิเรอร์เลสฟูลเฟรม’ เป็นกลุ่มที่เติบโตมากที่สุด
ประเมินทั้งปี 2024 ตลาดกล้องในไทย ยอดขายอยู่ที่ 90,000 ตัว สัดส่วน มิเรอร์เลส 60%, คอมแพค 35%, DSLR 5% มูลค่าตลาด 3,000 ล้านบาท
ทิศทางตลาด กลุ่ม DSLR ถูกทดแทนด้วยมิเรอร์เลสโดยสมบูรณ์ ส่วนคอมแพค ยูนิตทรงตัว แต่มูลค่าเพิ่มขึ้น เพราะเทรนด์ไลฟ์สไตล์แบบย้อนยุคในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม
ด้านเทคโนโลยี AI ในกล้องทุกกลุ่ม ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว อาทิ ออโต้โฟกัส แต่ด้วยกระแสโลก ทำให้ถูกใช้เป็นจุดขายหลักในช่วงหลัง และมีการพัฒนาขึ้นตามความต้องการใช้งาน
ตลอดจนครีเอเตอร์ที่เติบโตอย่างสูง ทำให้ตลาดกล้องมิเรอร์เลสไฮบริดระหว่างถ่ายภาพกับวิดีโอกลายมาเป็นความต้องการหลัก ซึ่ง AI จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดี
ส่วนช่างภาพมืออาชีพ เข้าสู่ช่วงซีซั่นนอลของการใช้จ่าย เนื่องจากครึ่งปีหลัง เป็นการเข้าสู่ช่วงพีคไทม์ของงานอีเวนต์ และการทำงานข่าวกีฬาจากการทยอยเปิดฤดูกาลของการแข่งขัน
คุณเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า วันที่ 27 ส.ค. 2024 บริษัทเปิดตัวแฟลกชิปกับมิเรอร์เลส 2 รุ่นใหม่ ในระบบ EOS R ทั้ง ‘EOS R1’ และ ‘EOS R5 Mark II’ โดยตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมปี 2024 อยู่ที่ 40% จาก 35% ในปี 2023
โดยนับเป็นระยะเวลากว่า 7 ปี ที่บริษัทเริ่มพัฒนากล้องมิเรอร์เลสในระบบ EOS R จนกระทั่งปัจจุบัน
บริษัทนำเสนอผลิตกล้องมิเรอร์เลส EOS R มาแล้วถึง 14 รุ่น ซึ่งครอบคลุมความต้องการและตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ
โดย ‘EOS R1’ และ ‘EOS R5 Mark II’ ได้ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทในรูปแบบของ Deep Learning Technology ซึ่งเป็น AI ที่ใช้คลังข้อมูลจำนวนมากในการวิเคราะห์ ทั้งการตรวจจับสภาพแวดล้อมในการถ่าย ทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ และอื่น ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งในด้านความเร็วและความแม่นยำของระบบออโต้โฟกัส ช่วยสนับสนุนการทำงานของช่างภาพและครีเอเตอร์ทุกระดับ
‘EOS R1’ กล้องเรือธงสำหรับช่างภาพมืออาชีพ เพราะนำเสนอความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง ความเร็วในการโฟกัส รวมถึงความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์ ราคาเฉพาะตัวกล้อง 235,900 บาท
‘EOS R5 Mark II’ กล้องมิเรอร์เลสไฮบริด โด่นเด่นในเรื่องความละเอียดแบบ High Resolution ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว พร้อมจัดเต็มฟังก์ชั่นด้านวิดีโอ เฉพาะตัวกล้อง ราคา 147,900 บาท และพร้อมเลนส์ RF24-105mm f/4L IS USM ราคา 192,900 บาท
ด้วยสถานการณ์ซัปพลายสินค้า ครึ่งหลังปี 2024 บริษัทโฟกัสการขาย ‘EOS R5 Mark II’ ซึ่งพร้อมวางจำหน่ายในเดือนกันยายน ตั้งงบการตลาดหลักสิบล้านบาท
ขณะที่ ‘EOS R1’ จะพร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน และได้รับการจองเต็มจำนวนที่บริษัทได้รับโควต้าจัดสรรสินค้ามาจากบริษัทแม่ (ญี่ปุ่น) แน่นอนแล้ว
ช่องทางการขายสินค้ากลุ่มกล้อง บริษัทยังให้ความสำคัญกับพาร์ตเนอร์ตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก โดยปี 2024 เป็นปีที่บริษัทครบรอบ 30 ปี หลังก่อตั้งสำนักงานอย่างเป็นทางการในไทยเมื่อเดือนเมษายน 1994 ซึ่งตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทร่วมสร้างการเติบโตเคียงข้างมากับพาร์ตเนอร์ ช่างภาพ และลูกค้าผู้มีอุปการคุณมาอย่างมั่นคง
ผลิตภัณฑ์หลักของแคนนอน ประเทศไทย ได้แก่ กล้อง, เครื่องพิมพ์, เครื่องถ่ายเอกสาร, เครื่องพิมพ์ระดับงานโปรดักชั่น ตั้งเป้ายอดขายทุกกลุ่มปี 2024 เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งหลัก ๆ จะมาจากสินค้า 2 กลุ่มแรก
