หลังจากที่ Starbucks แต่งตั้ง Brian Niccol เป็น CEO คนใหม่ ที่จะเข้ามาพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง
จากที่ผ่านมา Starbucks ประสบกับความท้าทายจากรายได้ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ บนมูลค่าตลาดร้านกาแฟโลกที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี
อ้างอิงข้อมูลจาก Stellar Market Research พบว่า จากปี 2023 ตลาดร้านกาแฟโลกมีมูลค่า 212,770 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.18 ล้านบาท)
ปี 2024 มูลค่า 220,220 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.43 ล้านล้านบาท) และจะเพิ่มเป็น 235,900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.96 ล้านล้านบาท) ในปี 2026
ส่วนผลประกอบการ Starbucks เมื่อมองไปแต่ละไตรมาสของปี 2024 มีการลดลงติดต่อกันสองไตรมาส
จากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ Starbucks จะดิ้นรนเพื่อยอดขายผ่านแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องก็ตาม
โดยเฉพาะยอดขายในสหรัฐอเมริการวมแคนาดา และจีน ที่มีสาขาเป็นอันดับหนึ่งและสองของ Starbucks โลก
มกราคม-มีนาคม 2024
Starbuck มีจำนวนสาขาทั่วโลก 38,951 สาขา
สาขาในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวม 7,238 สาขา (สหรัฐอเมริกา 6,754 สาขา แคนาดา 484 สาขา)
สาขาในจีน 7,093 สาขา
รายได้รวมทั่วโลก 8,563.0 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 288,900 ล้านบาท) ลดลง 1.8%
กำไร 772.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 26,100 ล้านบาท) ลดลง 7.6%
ยอดขายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาลดลง 3%
ยอดขายในจีนลดลง 11%
เมษายน-มิถุนายน 2024
สาขาทั่วโลก 39,447 สาขา
สาขาในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวม 7,258 สาขา (สหรัฐอเมริกา 6,777 สาขา แคนาดา 481 สาขา)
สาขาในจีน 7,306 สาขา
รายได้รวมทั่วโลก 9,113.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 307,500 ล้านบาท) ลดลง 0.6%
กำไร 1,054.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35,600 ล้านบาท) ลดลง 15.0%
ยอดขายในสหรัฐอเมริกาลดลง 2%
ยอดขายในจีนลดลง 14%
บนการแข่งขันที่รุนแรงของร้านกาแฟทั่วโลกทั้งจากร้านกาแฟเชนระดับโลก ระดับท้องถิ่น และร้านกาแฟ Individual ในแต่ละพื้นที่ และกำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่มลดลง พร้อมกับความท้าทายในด้านต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ทำให้ประเทศมุสลิมคว่ำบาตรแบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
และหลังจากที่ Brian Niccol ขึ้นมาเป็น CEO คนใหม่ แทน Laxman Narasimhan ที่ปลดพ้นจากตำแหน่ง
Niccol ได้วางกลยุทธ์พา Starbucks กลับมาผ่านหัวใจการทำงานหลัก 4 ประการ ที่จะเข้ามาสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าซึ่งเป็นจุดเด่นที่ Starbucks สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งมาตั้งแต่ในอดีตให้มีความเข้มแข็งและชัดเจนในสายตาผู้บริโภคมากขึ้น
1. สร้างพลังให้กับบาริสต้าผ่านเครื่องมือและเวลา เพื่อสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ดีส่งมอบต่อไปยังลูกค้า พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานว่า Starbucks เป็นสถานที่ทำงานที่ดีที่สุด ที่ให้โอกาสการทำงานและเส้นทางสู่ความสำเร็จอย่างชัดเจน
2. ต้อนรับผู้บริโภคสู่เช้าวันใหม่ด้วยเครื่องดื่มและอาหารที่ยอดเยี่ยม ถูกต้อง และไม่รอนานจนเกินไป
3. สร้าง Starbucks ให้เป็นร้านกาแฟชุมชน ด้วยการยกระดับประสบการณ์ในร้าน ทั้งสถานที่ กลิ่น เสียง และที่นั่ง ที่จะเชิญชวนลูกค้าให้แวะเข้ามาใช้บริการในร้าน เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างนั่งรับประทานในร้านและซื้อกลับ
4. เล่าเรื่องราวของ Starbucks ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ และแบรนด์ผู้มีบทบาทชุมชนอีกครั้ง เพื่อเตือนความจำและสร้างการรับรู้กับผู้บริโภค แทนการปล่อยให้ผู้อื่นกำหนดว่า Starbucks เป็นใคร
สำหรับประเทศไทย Starbucks ทำตลาดภายใต้ บริษัท คอฟฟี่ คอนเซ็ปต์ รีเทล จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่างเครือไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัวเจริญ และ แม็กซิมส์ กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่วงการอาหารจากฮ่องกง ที่เข้ามาซื้อสิทธิ์ในการบริหารธุรกิจค้าปลีกของสตาร์บัคส์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2019
สิ้นเดือนมิถุนายน 2024 Starbucks ประเทศไทยมีสาขาทั้งสิ้น 501 สาขา เพิ่มจาก 494 สาขาในสิ้นเดือนมีนาคม 2024
และ 485 สาขา ในสิ้นปี 2023 อ้างอิงจาก Starbucks Inc.
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผลประกอบการ Starbucks ประเทศไทย รายงานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีดังนี้
2021 รายได้รวม 6,135.81 ล้านบาท กำไร 164.56 ล้านบาท
2022 รายได้รวม 8,389.93 ล้านบาท กำไร 833.40 ล้านบาท
2023 รายได้รวม 9,847.40 ล้านบาท กำไร 1,029.37 ล้านบาท
ส่วน Brian Niccol ในฐานะ CEO Starbucks คนใหม่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านผลประกอบการให้กับธุรกิจเติบโตได้หรือไม่คงต้องดูผลงานกันต่อไป
อย่างน้อย Brian Niccol เคยสร้างผลงานครั้งสำคัญให้กับการเติบโตของ Chipotle Mexican Grill ร้านเชนอาหารเม็กซิกัน ให้สามารถเติบโตเป็น 2 เท่า นับจาก 6 ปีที่ เขาคุมตำแหน่ง CEO ของ Chipotle Mexican Grill ก่อนที่จะย้ายมาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับ Starbucks ในวันนี้
–
