SCG Express ไม่ได้ไปต่อ หลังจับมือยักษ์ใหญ่ แมวดำ ญี่ปุ่น สู้ในสมรภูมิขนส่งมา 7 ปี แต่ขาดทุนต่อเนื่อง (วิเคราะห์)
ตลาดบริการส่งด่วน หรือ Delivery เป็นสมรภูมิที่ขึ้นชื่อว่ามีการสู้รบดุเดือด ห้ำหั่นแบบไม่มีใครยอมใคร แต่ก็มีผู้เล่นที่อยากจะลงมาชิงส่วนแบ่งเค้กก้อนโตไม่ขาดสาย
ตลาดบริการขนส่งในไทยเป็นตลาดเนื้อหอมเพราะมีมูลค่าเฉียดแสนล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ttb analytic เคยประเมินมูลค่าตลาดบริการขนส่งพัสดุไว้ที่ 1.15 แสนล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาธุรกิจขนส่งพัสดุขยายตัวอย่างมาก จากการได้รับอานิสงส์ของตลาดอีคอมเมิร์ซด้านการค้าปลีกและค้าส่งที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์เปิดกว้าง ผู้บริโภคก็นิยมสั่งซื้อออนไลน์ ทำให้ตลาดนี้ขยายตัวต่อเนื่อง แม้จะมีผู้เล่นที่ครองตลาดอยู่แล้ว อย่างไปรษณีย์ไทย, KEX, Flash, DHL, J&T แต่ถือเป็น New Market ที่มีการเติบโตน่าสนใจ
SCG มองเห็นโอกาสในการลงหั่นเค้กก้อนโต เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของระบบ Logistics ที่มีอยู่แล้วของ SCG จึงร่วมทุนกับยามาโตะ กรุ๊ป (YAMATO Group) ยักษ์ใหญ่ด้านขนส่งพัสดุของญี่ปุ่น
โดยยามาโตะ กรุ๊ป มี “แมวดำ” เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นโลโก้ที่ทุกคนคุ้นตากันดี
โดยจัดตั้ง บริษัท ยามาโตะ เอเชีย จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 633 ล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้น SCG 65% และ ยามาโตะ กรุ๊ป 35% เพื่อให้บริการส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน ภายใต้ชื่อ SCG Express
โดยดึงเอาจุดแข็งของระบบโลจิสติกส์และเน็ตเวิร์กของ SCG Logistics (บริการขนส่งแบบ B2B) มาประกอบกับเทคโนโลยีด้านการขนส่งของ YAMATO และให้บริการใน 4 รูปแบบ คือ
– บริการขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิ (COOL TA-Q-BIN) ชูจุดขายด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์จากยามาโตะ กรุ๊ป เช่น กล่อง Cool Container ที่จะทำให้การขนส่งอุณหภูมิไม่เสียหาย ลูกค้าวางใจเอสซีจี
นอกจากนี้ SCG Express ยังไปผนึกกำลังกับ FUZE Post ซึ่งเป็นขนส่งภายใต้การร่วมทุนของ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ร่วมให้บริการขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิเพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการจากกลุ่มธุรกิจ HORECA (Hotel/Restaurant/Catering) รวมถึงผู้ประกอบการในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (กลุ่มลูกค้า B2C) และลูกค้ารายย่อย (กลุ่มลูกค้า C2C) ที่กำลังเติบโต รองรับน้ำหนักได้สูงสุดที่ 100 กิโลกรัมต่อกล่อง โดยที่ SCG EXPRESS จะเข้ามาร่วมมือและให้การสนับสนุนด้านการจัดส่งพัสดุแก่ลูกค้า พร้อมการรับประกันความเสียหายสินค้าระหว่างการจัดส่ง
– บริการขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วนถึงบ้าน (TA-Q-BIN) เข้ารับพัสดุถึงบ้านลูกค้าและจัดส่งถึงปลายทางวันถัดไป
– บริการส่งเอกสารหรือพัสดุภัณฑ์ด่วนระหว่างบริษัทถึงบริษัท (DOCUMENT TA-Q-BIN)
– บริการเก็บเงินปลายทาง (TA-Q-BIN COLLECT)
ที่ผ่านมามีการสร้างเครือข่ายจุดบริการรับพัสดุ Service Agent เพื่อขยายจุดบริการรับพัสดุสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเน้นกระจายในย่านชุมชน ถึงกระนั้นชื่อของ SCG Express ก็ยังไม่ใช่ชื่อที่ผู้บริโภคนึกถึงเมื่อต้องการจะส่งพัสดุอยู่ดี
เมื่อลองเปรียบเทียบราคาSCG Expressสำหรับพัสดุไม่เกิน 1 KG ราคาเริ่มที่ 25 บาท แต่สำหรับค่าจัดส่งในปริมณฑลจะเริ่มที่ 35 และต่างจังหวัด 55 บาท ซึ่งถือเป็นเรตที่สูง อีกทั้งระยะเวลาการส่งโดยเฉพาะส่งไปต่างจังหวัด 2-4 วัน นับว่าใช้เวลานานเมื่อเทียบกับขนส่งอื่น ๆ ที่ใช้ระยะเวลาขนส่ง 1-3 วัน อาจเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้SCG Expressสร้างเครือข่ายลูกค้าได้น้อย
อีกทั้งการแข่งขันในตลาดขนส่งพัสดุด่วนก็มีการขับเคี่ยวกันของยักษ์ใหญ่ ที่ทำให้ตลาดร้อนระอุทุกปี เช่น การที่อีคอมเมิร์ซ Shopee มาต่อยอดทำบริการขนส่งสินค้าเอง ภายใต้ชื่อ เอสพีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ยิ่งทำให้การแข่งขันมากขึ้นไปอีก
ในปี 2559 ที่ SCG กระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้ ด้วยการส่งSCG Expressให้บริการขนส่งแบบด่วน มาถึงวันนี้ 2567 กลับกลายเป็นธุรกิจที่ SCG ประกาศถอยทัพ หลังรายได้บริษัทโตต่ำเพียง 3% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 4.9 แสนล้านบาท
โดยที่สามไตรมาส SCG มีรายได้รวม 3.8 แสนล้านบาท กำไร 6,854 ล้านบาท ลดลง 75% จากปีก่อน เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนรุนแรง สงครามทั้งในตะวันออกกลาง และความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ค่าเงินบาทแข็งตัว ปิโตรเคมีโลกอ่อนตัวลากยาว จึงต้องแก้เกมใหม่ ประกาศลดต้นทุนทั้งองค์กร ปิดกิจการที่ไม่กำไรและตัดขายสินทรัพย์
SCG Express จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2559
ทุนจดทะเบียนล่าสุด 1,463 ล้านบาท
ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี
ปี 2564 รายได้ 957 ล้านบาท ขาดทุน 212 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 526 ล้านบาท ขาดทุน 248 ล้านบาท
และปี 2566 รายได้ 310 ล้านบาท ขาดทุน 185 ล้านบาท
–
Website : Marketeeronline.co /
