7-Eleven ธุรกิจค้าปลีกของเจ้าสัวธนินท์ ทำไมรายได้และกำไรดีกว่า Makro และ Lotus รวมกัน

สมาคมค้าปลีกไทย คาดการณ์มูลค่าค้าปลีกปี 2567 อยู่ที่ 4.4 ล้านบาท และกลุ่มร้านค้าสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเซเว่นอีเลฟเว่น แม็คโคร และโลตัส ธุรกิจของเจ้าสัวธนินท์ เป็นผู้เล่นหนึ่งในธุรกิจกลุ่มนี้

ในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งสินค้า ของเจ้าสัวธนินท์ มีเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้สุงสุด และเป็นมูลค่าที่สูงกว่าแม็คโคร และโลตัสรวมกัน

ในปีที่ผ่านมา เซเว่นอีเลฟเว่น สร้างมูลค่าให้กับเจ้าสัวฯ ด้วยรายได้ 920,841 ล้านบาท กำไร 18,482 ล้านบาท จากจำนวนสาขา 14,545 สาขาในประเทศไทย และ 85 สาขาในต่างประเทศ

ส่วนแม็คโคร และโลตัส รวมกันมีรายได้ 489,949 ล้านบาท กำไร 8,645 ล้านบาท

แบ่งเป็น

แม็คโคร 266,057 ล้านบาท ที่เกิดจากยอดขายสินค้า ค่าเช่า และอื่น ๆ ผ่านสาขาในประเทศไทย 160 สาขา ต่างประเทศ 8 สาขา

โลตัส 223,892 ล้านบาท ที่เกิดจากยอดขายสินค้า ค่าเช่า และอื่น ๆ ผ่านสาขาในประเทศไทย 2,454 สาขา และต่างประเทศ 68 สาขา

ส่วนมกราคม-กันยายน 2567 7-Eleven มีรายได้ 920,841 ล้านบาท กำไร 18,482 ล้านบาท จากสาขาในประเทศไทย 15,053 สาขา และต่างประเทศ 107 สาขา

แม็คโครและโลตัสมีรายได้รวมกัน 378,417 ล้านบาท กำไร 6,609 ล้านบาท

แบ่งเป็น

แม็คโคร 205,929  ล้านบาท มีสาขาในประเทศไทย 163 สาขา ต่างประเทศ 9 สาขา

โลตัส 172,487 ล้านบาท  มีสาขาในประเทศไทย 2,429 สาขา และต่างประเทศ 69 สาขา

อย่างไรก็ดี ในปี 2568 สมาคมค้าปลีกคาดการณ์ว่ามูลค่าค้าปลีกจะเติบโต 3-5% และธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งของเจ้าสัวฯ จะเติบโตไปในทิศทางไหน ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคเป็นผู้ตัดสินว่าจะซื้อสินค้าจากเซเว่นอีเลฟเว่น แม็คโคร โลตัส มากน้อยแค่ไหน

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer