Trend /ด้วยความสำเร็จมหาศาลของเพลงป๊อปเกาหลีใต้ที่เรียกโดยรวม K-pop จึงมีเรื่องให้กล่าวถึงมากมาย ไล่ตั้งแต่เรื่องเชิงบวกอย่างมูลค่าทางการตลาด ซึ่งมีการประเมินกันว่าสูงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 101,000 ล้านบาท) ไปจนถึงมุมมืดและปัญหาต่าง ๆ ดังที่เห็นกันจากประกาศขอยกเลิกสัญญาของ NewJeans ที่มีเรื่องขัดแย้งกับต้นสังกัด
ท่ามกลางความสำเร็จและเรื่องราวของ K-pop ยังมีประเด็นน่าสนใจ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงรูปแบบการเฟ้นหาศิลปินของค่ายเพลง เชื่อมโยงกับอีกประเทศที่อยู่ไกลออกไปจากเกาหลีใต้อย่างมาก และยังเป็นคำถามตัวใหญ่ ๆ ให้ขบคิดได้อีกด้วย
นั่นคือ ในบรรดาสมาชิกวง K-pop มักมีชาวออสเตรเลียเชื้อสายเอเชียรวมอยู่ด้วยเสมอ นับเฉพาะวงในช่วง 10 ปีนี้ก็มีอย่างน้อย 5 คน ได้แก่ Rosé สมาชิกวง Blackpink ชาวเกาหลีใต้ที่เกิดในนิวซีแลนด์ แต่ไปโตในออสเตรเลีย และชนะการคัดเลือกศิลปินจากสาขาค่ายเพลง K-pop ที่นั่น ก่อนย้ายมาเป็นศิลปินฝึกหัด จนมาโด่งดังในฐานะวง Blackpink

Hanni และ Danielle สมาชิกชาวออสเตรเลียของวง NewJeans แต่โดยภูมิหลังครอบครัวแล้วเป็นคนเวียดนามและลูกครึ่งเกาหลีใต้-ออสเตรเลียตามลำดับ รวมไปถึง Bang Chan และ Felix สมาชิกวง Stray Kids ที่เป็นชาวออสเตรเลีย ซึ่งมีภูมิหลังของครอบครัวเป็นคนเกาหลีใต้

เรื่องนี้เป็นที่สนใจ หลังเพลง K-pop ดังไปทั่วโลก แต่กลับไม่ติดชาร์ตอันดับบน ๆ ในออสเตรเลีย และถูกจับตามองมากขึ้นไปอีกเมื่อผลงานเดี่ยวของ Rosé ดังทั่วโลก ยืนยันได้จากเพลง APT ติดชาร์ต Billboard และเพลง Number One Girl มียอดการเข้าไปดูบน (View) บน Youtube พุ่งทะลุ 30 ล้านครั้งในเวลาเพียง 4 วัน แต่ก็ยังแทบไม่ได้รับความสนใจจากประเทศที่เธอโตมา
สถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นการสะท้อนว่า ออสเตรเลียเป็นเพียงประเทศส่งออกศิลปินนักร้อง K-pop เชื้อสายเอเชียให้เกาหลีใต้นำมาปั้นจนดัง และเกิดเป็นคำถามต่อเนื่องตามมาว่า ทำไมนักร้อง K-pop ชาวออสเตรเลียเชื้อสายเอเชียเหล่านี้ถูกเมินในบ้านเกิดหรือประเทศที่โตมา
สถานการณ์นี้เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ โดยปัจจัยแรกคือ รสนิยมการฟังเพลงชาวออสเตรเลียอิงตามสหรัฐฯ กับอังกฤษ (รวมกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร) มานานแล้วจนสื่อสตรีมมิ่งซึ่งเป็นช่องทางฟังเพลงใหญ่สุดในปัจจุบัน จัดเพลงฮิตจากสองประเทศนี้ให้กับชาวออสเตรเลียด้วย
ส่วนปัจจัยที่ 2 คือชาวออสเตรเลียชอบเพลงที่เนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษหรือจากนักร้อง-วงดนตรีที่มีเป็นอเมริกันกับอังกฤษหรืออาจเรียกรวม ๆ ว่าเป็นตะวันตกมากกว่า จนไม่สนใจเพลงจากนักร้อง-วงดนตรีชาวเอเชีย แม้จะร้องเป็นภาษาอังกฤษ
และหากจะว่าไปช่วงไม่กี่ปีมานี้เพลงที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ (Non English) ก็ฮิตในตลาดโลกมากขึ้น ยืนยันได้จากครองตลาดโลกเพลง K-pop ที่เนื้อเพลงส่วนใหญ่เป็นภาษาเกาหลี
ส่วนปัจจัยสุดท้ายคือ ชาวออสเตรเลียชื่นชอบและสนับสนุนศิลปินทั้งนักร้องและนักแสดงที่มีความเป็นชาวตะวันตก เน้นที่คนผมสีทอง หรืออาจเรียกแบบไทยได้ว่ามีความ “ฝรั่ง” มากกว่า เรื่องนี้ยืนยันได้จาก Kylie Minogue และ Margot Robbie ที่มีความฝรั่งและได้รับการสนับสนุนจากชาวออสเตรเลียเป็นอย่างมาก

ซึ่งในประเด็นนี้ก็ย้อนกลับมาที่สังคมออสเตรเลียเอง โดยผู้มีเชื้อสายเอเชียยังเป็นคนกลุ่มน้อย ครองสัดส่วนเพียง 17.4% ของประชากรทั้งประเทศ และเพลงที่ไม่ได้ร้องเป็นภาษาอังกฤษ (หรือจากนักร้องที่ไม่ใช่ชาวตะวันตกซึ่งก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่) ก็มีสัดส่วนเพียง 13% ในตลาดเพลงออสเตรเลียเท่านั้น
เรื่องนี้ยังมีอีกประเด็นน่าสนใจ นั่นคือเรื่องรายได้เฉลี่ยต่อปีของการเป็นศิลปินนักร้อง-นักดนตรีในออสเตรเลีย โดยเมื่อปี 1986-1987 อยู่ที่ 24,600 ดอลลาร์ (ราว 836,000 บาท ตามค่าเงินปัจจุบัน)
แต่พอมาเมื่อปี 2021-2022 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นระดับรายได้ในปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 22,000 ดอลลาร์ (ราว 754,000 บาท) จึงไม่แปลกที่ทำไมนักร้องและวงดนตรีชาวออสเตรเลียไม่ว่าเชื้อชาติไหนจึงอยากไปดังในต่างประเทศ
จากทั้งหมดจึงกล่าวได้ว่า นักร้อง นักดนตรี และไอดอลชาวออสเตรเลียเชื้อสายเอเชีย มีอุปสรรคมากมายทางอาชีพในบ้านเกิดหรือประเทศที่โตมา ทำให้ต้องเก็บกระเป๋าไปเริ่มต้นอาชีพทางเสียงเพลงในต่างประเทศ
ส่วนถ้าเมื่อดังขึ้นมาก็ยังไม่มีที่ยืนในบ้านเกิดหรือประเทศที่โตมาเมินอีก ซึ่งปัจจุบันก็สะท้อนออกมาจากการที่เพลงของ Rosé และ NewJeans แทบไม่ได้รับการตอบรับเลยนั่นเอง/theguardian
–
