โออาร์ ถึงเวลาพลิกองค์กรด้วย Digital Transformation ถ้าไม่ปรับไม่รอด เปลี่ยนช้า เสียเปรียบ

จากขายน้ำมันมาขายกาแฟสู่การรุกธุรกิจรีเทล วันนี้กำลังเตรียมเป็น Virtual Bank  รวมทั้งกำลังมองหาธุรกิจใหม่ ๆ อื่น ๆ

โออาร์ คือองค์กรหนึ่งที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา

Digital Transformation คือยุทธศาสตร์สำคัญที่จะทำให้โออาร์ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้เร็วขึ้น

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการทรานส์ฟอร์มครั้งนี้คือ การเตรียมพร้อมเข้าสู่ธุรกิจ “Virtual Bank”  

สำหรับองค์กรใหญ่ที่มีพนักงานเกือบ 2,000 คนอย่างโออาร์ ได้เตรียม Digital Transformation Journey ไว้อย่างไร

ตาม Marketeer ไปคุยกับ ภากร สุริยาภิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจดิจิทัลและโซลูชันของ OR  

นิยามสั้น ๆ สำหรับคำว่า Digital Transformation  ก็คือการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัล มาปรับเปลี่ยนวิถีการทำงาน การบริหารองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

“ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ไม่มีบริษัทไหนที่จะบอกว่าไม่รู้จักดิจิทัล ไม่รู้จักเทคโนโลยี และยังทำการซื้อขายหรือทำตลาดแบบเดิม ๆ เพราะการเอาเทคโนโลยีมาใช้นั้นเป็นพื้นฐานสำหรับทุกองค์กรไปแล้ว เพียงแต่การที่จะเอาเทคโนโลยีอะไรมาใช้ แล้วใช้อย่างไรให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดนั่นคือความแตกต่างของแต่ละองค์กร”

โออาร์ก็เช่นเดียวกัน ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีที่แยกมาจาก ปตท. ได้ให้ความสำคัญในเรื่องดิจิทัลมาโดยตลอด

และขณะนี้โออาร์อยู่ในระหว่างการจัดทำแผน “ดิจิทัลโรดแมป” ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ดิจิทัล เพื่อให้ทุกกลุ่มธุรกิจโออาร์ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน

ซึ่งหัวใจสำคัญเรื่อง Digital Transformation ของโออาร์ สรุปเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ

1. จะนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานระหว่างหน่วยธุรกิจ โดยมุ่งหวังเพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการทำงานที่ซ้ำซ้อน และสร้างความคล่องตัวในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น

2. เทคโนโลยีที่เข้ามาจะต้องสร้างความพร้อมให้กับโออาร์ ในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว

เขายกตัวอย่างโครงการสำคัญ ๆ ภายใต้ดิจิทัลโรดแมปนี้ เช่น การจัดการกับฐานข้อมูลในมือ และการสร้างอีโคซิสเต็มของข้อมูล เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ ๆ อย่างเช่น ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ซึ่งโออาร์ร่วมมือกับ กลุ่มกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย, และ เอไอเอส ในการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เมื่อได้รับไลเซนส์แล้ว จะสามารถทำงานร่วมกับพันธมิตรได้ทันที

ซึ่งโออาร์มีจุดแข็งจากฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ ทั้งจากสถานีบริการน้ำมันกว่า 2,500 แห่ง และร้านคาเฟ่อเมซอนกว่า 4,000 แห่ง ที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 3 ล้านคนต่อวันทั่วประเทศ

การพัฒนา “One Dashboard” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานของโออาร์ในแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายละเอียดข้อมูลของธุรกิจน้ำมันที่จะสามารถรู้ได้ว่าซื้อมาเท่าไร กระจายออกไปที่ไหนแล้วบ้าง วันนี้ราคาซื้อขายเท่าไร ขนส่งแบบไหนประหยัดกว่ากัน

หรือภาพของร้านคาเฟ่ อเมซอน ปริมาณสินค้าที่ออกจากคลัง ไปเท่าไร ในสต๊อกเหลือเท่าไร บนเชลฟ์เหลือกี่ตัว ระยะเวลาที่วางไว้ได้เหลืออีกกี่วัน

ระบบดังกล่าวจะช่วยให้โออาร์มองเห็นทั้งกระบวนการผลิต การขนส่ง และการจัดจำหน่ายได้อย่างชัดเจน สามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ และช่วยบริหารจัดการทั้งในเรื่องของกำไรและการขาดทุนได้ดียิ่งขึ้น

เทรนด์ของเทคโนโลยีที่ต้องให้ความสำคัญ เช่น Generative AI ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ การสร้างเนื้อหาและการปรับปรุงกระบวนการทำงานในหลาย ๆ ด้าน เช่น การตลาด การขาย และการบริการลูกค้า  Data Journey to Cloud  เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับอุปสรรคและความท้าทายของการทรานส์ฟอร์มคือ การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร การเปลี่ยนแปลงคน

“การเปลี่ยนมายเซตของคนให้กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ข้ามผ่านความกลัวในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และยอมรับในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้น การเสริมทักษะของคน และการให้คนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบการเดินทางไปด้วยกัน เป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลา แต่ต้องทำไปพร้อม ๆ กับเรื่องของเทคโนโลยี”

ปัจจุบัน โออาร์ มีพนักงานราว 2,000 คน เป็นเจน Y 59.1%, เจน X, 23.3% เจน Z 17.4% และ Baby Boomer ประมาณ 0.2%  มั่นใจว่ากว่าครึ่งหนึ่งสามารถเรียนรู้และปรับทักษะได้ดี

ส่วนการจัดทำโรดแมปที่กำลังทำอยู่ น่าจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาได้ในช่วงต้นปี 2568 โดยจะแบ่งเป็นเฟส ๆ เช่น ระยะสั้น 1 ปี ระยะกลาง 3 ปี และระยะยาววางไว้ที่ 5 ปี

เหตุผลที่วางไว้ 5 ปีเพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมากเราต้องปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะรีวิวใหม่ทุก 5 ปี

“ที่สำคัญโรดแมปนี้ต้องมีส่วนสำคัญที่จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ สามารถเพิ่มช่องทางการทำธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อทำให้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย”

ผู้บริหารด้านธุรกิจดิจิทัลและโซลูชันของ OR น่าจะมั่นใจว่าเรื่องดิจิทัลใครไม่เปลี่ยนไม่รอด ใครช้าเสียเปรียบ ใครเร็วก็จะสามารถวางตำแหน่งของตัวเองใหม่ (Reposition) ได้ชัดเจนท่ามกลางการแข่งขันในอนาคตแน่นอน

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer