Trends / หลังไร้ซีอีโอตัวจริงอยู่เกือบ 3 เดือน Intel ก็ได้ตัวผู้ที่มารับไม้ต่อจาก แพต เจลซิงเกอร์ แล้ว นั่นคือ ลิพ บู-ตัน อดีตบอร์ดบริหารและซีอีโอบริษัทซอฟต์แวร์ Cadence Design System โดยเขาจะประเดิมทำงานวันแรก 18 มีนาคมนี้

เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะนอกจากทำให้ Intel ได้ชื่อว่าใช้ซีอีโอเปลือง ซึ่งหากนับรวมคู่ซีอีโอรักษาการด้วย 7 ปีมานี้เปลี่ยนไปแล้ว 6 คน

การเลือก ลิพ บู-ตัน ซึ่งเป็นชาวมาเลเซียยังย้ำว่า บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ เชื่อมั่นในความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของผู้บริหารชาวเอเชีย โดยบรรทัดจากนี้คือบริษัทกลุ่มยักษ์เทคสหรัฐฯ ที่มีชาวเอเชียนั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ฝ่ายบริหาร

เจนเซ่น หวง ซีอีโอชาวไต้หวันของ Nvidia

เจนเซ่น หวง เกิดในไต้หวันเมื่อปี 1963 โดยเขาและครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพ่อ แม่ และพี่ชาย ย้ายจากบ้านเกิดมาอยู่ในสหรัฐฯ ช่วงปลายยุค 60 ทั้งที่ยังพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย

ด้วยฐานะที่ยากจนและถูกชาวอเมริกันเหยียดเชื้อชาติ ทำให้ชีวิตวัยเด็กของ เจนเซ่น หวง เป็นไปอย่างยากลำบาก แต่หลังเรียนจบปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้ามาได้ และต่อด้วยปริญญาโทสาขาเดียวกันชีวิตของเขาก็เริ่มดีขึ้น เพราะได้งานในบริษัทซอฟต์แวร์ Sun Microsystem และบริษัทชิป AMD

จุดเปลี่ยนในชีวิตของ เจนเซ่น หวง มาถึงในปี 1993 หลังจับมือกับวิศวกรชิปต่างบริษัทอีก 2 คน ตั้งบริษัทชิป Nvidia เน้นชิปเกมขึ้น ซึ่งเขารับหน้าที่ซีอีโอ โดยเพียง 6 ปี Nvidia ก็ทำไอพีโอ

ปัจจุบัน Nvidia กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเมื่อปี 2023 กลายเป็นบริษัทชิปแห่งแรกที่มูลค่าบริษัทมากถึงล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหนึ่งในกำลังสำคัญที่ผลักดันองค์กรมาถึงจุดนี้คือ เจนเซ่น หวง นั่นเอง

ลิซ่า ซู ซีอีโอหญิงชาวไต้หวันของ AMD

ลิซ่า ซู เป็นชาวไต้หวันที่ย้ายตามครอบครัวมาอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ 3 ขวบ โดยเธอเป็นคนหัวดีในเรื่องเทคโนโลยีมาตั้งแต่ช่วงประถม หลักฐานคือคะแนนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นลำดับต้น ๆ ของห้องเรียน นอกจากนี้ ยังซ่อมรถบังคับรีโมตให้พี่ชายได้ขณะที่อายุเพียง 10 ปีอีกด้วย

หลังจบมัธยม ลิซ่า ซู ก็มุ่งมั่นที่จะสอบเอ็มไอที มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ให้ติด โดยเธอสมหวังสอบติดในคณะวิศวกรรมไฟฟ้า และเรียนต่อคณะเดียวกันจนจบปริญญาเอก

เมื่อคว้าปริญญาเอกได้ ทำให้เธอได้ทำงานกับบริษัทขั้นนำหลายแห่ง เช่น IBM และ Toshiba โดยพอปี 2012 ก็ย้ายไปทำงานกับ AMD ในตำแหน่งรองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป จนปี 2014 ได้ขึ้นเป็นซีอีโอ

สัตยา นาเดลลา ซีอีโอชาวอินเดียของ Microsoft

สัตยา นาเดลลา เกิดที่เมืองไฮเดอราบัดของอินเดีย เมื่อปี 1967 และอยู่ที่อินเดียต่อจนจบปริญญาตรี โดยจากนั้นได้เก็บกระเป๋าข้ามน้ำข้ามทะเลมายังสหรัฐฯ เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโท

แต่กลายเป็นว่า สัตยา นาเดลลา ได้อยู่สหรัฐฯ ต่ออีกยาว และยังเป็นที่ที่เขาได้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ อีกด้วย

ปี 1990 สัตยา นาเดลลา ไปต่อปริญญาโทสาขาวิศวคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ พร้อมทำงานในบริษัทซอฟต์แวร์ Sun Microsystem โดยอีก 2 ปีต่อมาก็ย้ายไป Microsoft

ที่ Microsoft สัตยา นาเดลลา ก้าวหน้าตามลำดับ โดยมีเซิร์ฟเวอร์ Azure ของระบบคลาวด์ ในปี 2013 เป็นผลงานชิ้นโบแดง นี่ทำให้ Microsoft ดันเขาขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ในปี 2014 และยังอยู่จนถึงปัจจุบัน

ซุนดาร์ พิชัย ซีอีโอชาวอินเดียของ  Alphabet

ผู้บริหารชาวเอเชีย 3 คนด้านบนต่างก็ต้องฝ่าฟันเพื่อให้ขึ้นไปยืน 1 ในองค์กร แต่ ซุนดาร์ พิชัย ต้องใช้ความพยายามมากกว่าใครทั้งหมด เพราะเขาเกิดในครอบครัวชาวอินเดียที่มีสมาชิกมากถึง 6 คน และต้องอาศัยอยู่ร่วมกันในห้องเช่าสุดซอมซ่อ

ความลำบากในชีวิตของ ซุนดาร์ พิชัย ยังไม่หมดแค่นั้น โดยการหาเช้ากินค่ำ ทำให้ครอบครัวต้องเก็บเงิน 3 ปีถึงจะซื้อจักรยานมาใช้ร่วมกันได้

แม้สอบชิงทุนไปเรียนต่อปริญญาโทในสหรัฐฯ ได้ แต่ก็เกือบไม่ได้ไป ถ้าครอบครัวไม่นำเงินเก็บและหยิบยืมมาซื้อตั๋วเครื่องบินให้

 

อย่างไรก็ตาม หลังไปอยู่สหรัฐฯ ชีวิตของ ซุนดาร์ พิชัย ก็ดีขึ้นตามลำดับ จนปี 2004 ได้ทำงานกับ Google และขึ้นสู่จุดสูงขององค์กร ด้วยตำแหน่งซีอีโอ Alphabet ที่พัฒนาจาก Google ในปี 2015  

การที่ทั้ง 5 บริษัทให้ชาวเอเชียเป็นซีอีโอ สะท้อนทั้งด้านดีและด้านลบ โดยด้านดีคือ ย้ำความเป็นประเทศที่ให้โอกาสชาวต่างชาติของสหรัฐฯ และสะท้อนถึงความเก่งกาจของชาวเอเชียจนบริษัทชั้นนำของต่างชาติยังยอมรับ

ส่วนด้านลบคือ การเสียโอกาสจากคนเก่งที่ไปทำงานให้บริษัทต่างชาติ ซึ่งในกรณีนี้คือ ชาวมาเลเซีย ชาวไต้หวัน และชาวอินเดีย ทิ้งบ้านเกิดไปหาโอกาสที่ดีกว่าในสหรัฐฯ โดยถ้าบรรดาประเทศเอเชียพัฒนาเร็วกว่านี้ คงสามารถรั้งคนระดับหัวกะทิไว้ได้ และปัญหาสมองไหลคงไม่เกิดขึ้น 

เรื่องของซีอีโอชาวเอเชียทั้ง 5 คน ยังสะท้อนอีกว่า หากอยากขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ความรู้และทักษะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ หรือ STEM นั้นสำคัญ เพราะนอกจากเป็นเลิศวิชา STEM แล้ว ทุกคนยังจบจากคณะวิศวกรรมอีกด้วย แต่ต่างสาขากัน

ลิพ บู-ตัน จบปริญญาเอกวิศวกรรมนิวเคลียร์ เจนเซ่น หวง จบ ปริญญาโทวิศวกรรมไฟฟ้า ส่วน ลิซ่า ซู ไปไกลกว่าด้วยปริญญาเอกในสาขาเดียวกัน ขณะที่ ซุนดาร์ พิชัย จบ ปริญญาโทวิศวกรรมวัสดุ และสัตยา นาเดลลา จบปริญญาโทวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ / cnbc, wikipedia, cnn, can, reuters 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer