Seiko กับเส้นทางเติบโต ท่ามกลางวันที่ตลาดนาฬิกาหรูทั่วโลกสะดุด
ในขณะที่ตลาดนาฬิกาหรูทั่วโลกเผชิญกับภาวะชะลอตัว แต่ Seiko แบรนด์นาฬิกาหรูจากญี่ปุ่น กลับสามารถเติบโตสวนกระแสอย่างน่าประหลาดใจ
ด้วยการวางกลยุทธ์ที่แม่นยำ ลมหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินเยน และความทุ่มเทในงานฝีมือ
Seikoกำลังไต่ระดับจากแบรนด์ที่คนรู้จัก ไปสู่แบรนด์ที่โลกจับตามอง
.
ช่วงปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลสู่ญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนค่าจนกลายเป็นโอกาสสำหรับนักช้อปทั่วโลก
ทำให้ยอดขายแบรนด์หรูในญี่ปุ่นพุ่งกระฉูด และSeikoก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
เมื่อเทียบกับการหดตัวของตลาดนาฬิกาสวิสที่มียอดส่งออกลดลง ยอดขายรวมของธุรกิจนาฬิกาในเครือSeiko Group ยังสามารถเติบโตได้ในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา
รายได้รายไตรมาสปี 2024
ม.ค.-มี.ค. รายได้ 4.57 หมื่นล้านเยน (+10.9% YoY)
เม.ย.-มิ.ย. รายได้ 4.99 หมื่นล้านเยน (+18.0% YoY)
ก.ค.-ก.ย. รายได้ 5.17 หมื่นล้านเยน (+8.6% YoY)
ต.ค.-ธ.ค. รายได้ 5.69 หมื่นล้านเยน (+8.4% YoY)
อะคิโอะ ไนโตะ (Akio Naito) ประธานของSeiko Watch Corporation อธิบายว่า
“โชคดีที่เรายังไม่ถูกกระทบจากภาวะชะลอตัวของตลาดลักชัวรีเหมือนหลายประเทศ”
และยังเสริมว่า การเพิ่มขึ้นของยอดขาย Grand Seikoคือกุญแจสำคัญที่ช่วยผลักดันผลประกอบการของกลุ่มบริษัทให้เติบโตสวนทางกับตลาดโลก
.
แบรนด์หรูที่ไม่หยุดพัฒนา
ไนโตะย้ำว่า Grand Seikoวางตำแหน่งตัวเองชัดเจนในฐานะแบรนด์ลักชัวรี โดยมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 2,200 ดอลลาร์ในรุ่นควอตซ์ ไปจนถึงรุ่นไฮเอนด์อย่าง Kodo ที่มีราคาสูงถึง 365,000 ดอลลาร์
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า
“ในช่วงห้าถึงหกปีที่ผ่านมา การรับรู้แบรนด์ของ Grand Seikoเติบโตอย่างมาก โดยเราเน้นสื่อสารเรื่องธรรมชาติ งานฝีมือ และเรื่องราวเบื้องหลังแต่ละดีไซน์”
ตัวอย่างเช่น นาฬิกาหลายรุ่นได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติญี่ปุ่น ตั้งแต่ต้นเบิร์ช ฤดูซากุระบาน ไปจนถึงทิวทัศน์ฤดูหนาว
แม้ Grand Seikoจะเปิดตัวตั้งแต่ปี 1960 แต่เพิ่งเริ่มขยายตลาดนอกญี่ปุ่นในปี 2010 เท่านั้น และปัจจุบันกำลังเร่งสร้างแบรนด์ผ่านการลงทุนในช่องทางจำหน่ายทั่วโลก
.
นักท่องเที่ยวต่างชาติคือแรงดันสำคัญ
ในปีที่ผ่านมา ราว 20% ของยอดขาย Grand Seikoภายในประเทศเกิดจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวอเมริกันซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนพุ่งขึ้นเยอะมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ตลาดนาฬิกาในญี่ปุ่นได้รับแรงสนับสนุนอย่างมหาศาล
ไนโตะยอมรับตรงไปตรงมาว่า
“นักท่องเที่ยวที่เข้ามาซื้อ Grand Seikoที่ญี่ปุ่น ทำให้ยอดขายส่งออกของเราลดลง แต่สามารถชดเชยได้จากการเติบโตของยอดขายในประเทศ”
.
ความท้าทายนอกญี่ปุ่น
แม้ Grand Seikoจะเติบโตในญี่ปุ่น แต่ในตลาดสหรัฐฯ และยุโรปนั้นกลับต้องเผชิญกับความยากลำบาก ยอดขายลดลงเล็กน้อยเทียบปีก่อนหน้า หลังจากที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็วหลายปีติดต่อกัน
“Grand Seikoยังเป็นแบรนด์ใหม่สำหรับผู้บริโภคในหลายประเทศ เราจึงต้องพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจในตลาดโลก”
หนึ่งในความท้าทายสำคัญคือความสับสนระหว่างSeikoและ Grand Seikoเนื่องจากบางรุ่นของ Grand Seikoยังมีโลโก้ Seiko อยู่บนหน้าปัด และจุดจำหน่ายหลายแห่งยังขายทั้งสองแบรนด์ร่วมกัน
“ในอีกสองสามปีข้างหน้า เราจะทำการแยก Grand Seikoออกจากจุดจำหน่ายที่มีSeikoอยู่ด้วย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า”
อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่บริษัทกำลังเร่งผลักดันคือการขยายฐานลูกค้าผู้หญิง
“ปัจจุบันยอดขาย Grand Seikoที่มาจากลูกค้าผู้หญิงในญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 15% ส่วนในต่างประเทศยังแทบไม่มี เรากำลังลงทุนอย่างจริงจังทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดเพื่อขยายตลาดกลุ่มนี้”
.
อนาคตที่ Grand Seikoวางเป้าหมายไว้
ไนโตะยังคงมั่นใจว่า แม้ตลาดนาฬิกาหรูโดยรวมจะหดตัว แต่ Grand Seikoมีศักยภาพเติบโตเป็นสองเท่าในอีกห้าปีข้างหน้า
“เรายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ แต่ด้วยประวัติศาสตร์ที่เรามี และการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง Grand Seikoจะสามารถสร้างพื้นที่ของตัวเองในตลาดลักชัวรีได้อย่างมั่นคง”
ที่มา: Business of Fashion, Seiko Group Corporation
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
