Trends / หลังสหรัฐฯ เปิดสงครามการค้ากับจีน ผ่านการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กัน โดยแม้ท่าทีแบบถอยคนละก้าวของคู่ขัดแย้งคู่นี้จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถไว้ใจได้เสียทั้งหมด บริษัทใหญ่ ๆ จึงยังมีความเคลื่อนไหวและไม่หยุดคิดหาทางรับมือวิกฤต

Apple ก็อยู่ในบริษัทที่เข้าข่ายนี้ โดย Financial Times สื่อเศรษฐกิจดังสัญชาติอังกฤษ รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า Apple  จะให้โรงงาน iPhone ในอินเดียเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมย้ายฐานการประกอบชิ้นส่วน iPhone เกือบทั้งหมดจากจีนมายังอินเดีย

การปรับเปลี่ยนดังกล่าวจะทำให้ฐานการผลิตในอินเดียทวีความสำคัญ จนมีความเป็นไปได้ว่าในปี 2026 iPhone ที่ขายในสหรัฐฯ ทั้งหมดจะประกอบและนำเข้ามาจากอินเดีย

รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า แม้รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ iPhone ผลิตและประกอบในจีนจะเป็นสินค้ายกเว้นที่ไม่ต้องเผชิญกำแพงภาษีสูงลิบลิ่ว แต่ก็ยังเจอกำแพงภาษี 20% เพื่อตอบโต้จีนในฐานะผู้ผลิตยาเฟนทานิลรายใหญ่ที่นำเข้ามาในสหรัฐฯ อยู่ดี ดังนั้น iPhone ผลิตในจีนที่นำเข้ามาในสหรัฐฯ ก็ยังแพงขึ้น

ส่วนการย้ายฐานการผลิต iPhone จากจีนมายังสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถทำได้ในอนาคตอันใกล้ หรือหากทำได้จริง ค่าแรง และการต้องนำเข้าชิ้นส่วนมาจากหลายประเทศ ก็จะทำให้ราคา iPhone แพงอย่างมาก โดยราคาอาจขึ้นไปถึงเครื่องละ 3,500 ดอลลาร์ (ราว 117,000  บาท) เลยทีเดียว

ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเชื่อว่า การผลิต iPhone เพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นไปได้ เพราะเมื่อต้นเมษายน Apple เพิ่งประกาศจะลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 16 ล้านล้านบาท) ในสหรัฐฯ โดยถัดจากนั้นโฆษกรัฐบาลสหรัฐฯ ก็กล่าวว่า ถ้า Apple ไม่มั่นใจถึงความเป็นได้ ก็ไม่กล้าประกาศลงทุนครั้งใหญ่ขนาดนั้น

สำหรับรายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังสื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ตั้งแต่ปลายมีนาคมที่ผ่านมา Apple ทยอยนำเข้า iPhone ที่ผลิตในอินเดีย เข้ามาในสหรัฐฯ มากถึง 1.5 ล้านเครื่อง ซึ่งคิดเป็นน้ำหนักรวมกันถึง 600 ตัน เพื่อหวังกู้สถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะไม่รู้ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จะรุนแรงไปถึงขั้นไหน

ขณะที่โรงงานผลิต iPhone ในอินเดีย ปัจจุบัน มีอยู่ 3 แห่ง โดยที่ใหญ่สุดเป็นโรงงานรับจ้างผลิต (OEM) ของ Foxconn ของไต้หวัน ที่ตั้งอยู่ที่ เชนไน เมืองเอกของแคว้น ทมิฬนาฑู ทางใต้สุดของอินเดีย

ส่วนความเคลื่อนไหวของอินเดียในสงครามการค้าโลกครั้งนี้ มีการวิเคราะห์กันว่า หากรัฐบาลอินเดียจริงจังจะสามารถขึ้นมาเป็นฐานการผลิตสินค้าแห่งใหม่เพื่อเน้นส่งออกมายังสหรัฐฯ ได้ ไล่ตั้งแต่ชิป ของเล่น เสื้อผ้า ไปจนถึงเครื่องจักร แทน ไต้หวัน ไทย บังกลาเทศ และ จีนได้

เพราะนอกจากค่าแรงต่ำ พื้นที่กว้างใหญ่ และประชากรมากอันดับ 1 ของโลกแล้ว อินเดียยังมีข้อได้เปรียบสำคัญนั่นคือ เจอกำแพงภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เพียง 26% น้อยกว่า ทั้งไต้หวัน ไทย บังกลาเทศ และจีนอีกด้วย/theguardian


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer