Trends / ด้วยจำนวนประชากรมากสุดในโลก และขนาดเศรษฐกิจอันดับ 3 ของเอเชีย ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของ อินเดียจึงล้วนน่าสนใจ และอีกไม่กี่ปีจากนี้ก็ยิ่งมองข้ามไม่ได้ เพราะนี่อาจเป็นประเทศที่สถานการณ์การค้าโลกเข้าทาง

สหรัฐฯ ประกาศขึ้นกำแพงภาษีนำเข้ากับคู่ค้าทั่วโลกในระดับที่ต่างกันไป สำหรับเอเชียสถานการณ์น่าสนใจ โดยขณะที่ประเทศขนาดใหญ่สุดของทวีปอย่างจีน เจอภาษีนำเข้าสูงถึง 54% แต่อินเดียที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 เจอภาษีนำเข้าเพียง 26%

นอกจากน้อยกว่าจีนเกือบครึ่ง ยังน้อยกว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก อย่างไทยและไต้หวัน ที่กำลังจะต้องเผชิญภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 36% และ 32% ตามลำดับแล้ว ยังน้อยกว่าเพื่อนบ้านในเอเชียใต้อย่างบังกลาเทศ ที่สหรัฐฯ สั่งขึ้นภาษีนำเข้าถึง 37% อีกด้วย

นี่หมายความว่า แม้อินเดียจะได้รับผลกระทบจากมาตรการแข็งกร้าวของสหรัฐฯ เช่นกันแต่ก็น้อยกว่าอีกหลายประเทศ

สื่ออังกฤษวิเคราะห์อิงทัศนะของนักวิชาการด้านการค้าระหว่างประเทศของอินเดียว่า นี่ถือเป็นโอกาสทองของอินเดีย เพราะอินเดีย อาจแทรกขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ แทนจีน ไทย ไต้หวัน และบังกลาเทศ และจะได้ประโยชน์จากกำแพงภาษีที่ต่ำกว่า

รายงานดังกล่าวระบุว่า อินเดียอาจขึ้นมาเป็นผู้ผลิตเครื่องจักร ยานยนต์ และของเล่น เพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ แทนไทยและจีน พร้อมกันนี้อาจทำแบบเดียวกับชิปคอมพิวเตอร์ของไต้หวัน และเสื้อผ้ากับสิ่งทอจากบังกลาเทศ

นอกจากนี้ อินเดียขึ้นมามีบทบาทสำคัญในซัปพลายเชนโลก ขณะที่หลายประเทศกำลังปรับตัวเพื่อรับมือกับกำแพงภาษีสหรัฐฯ และผลกระทบจากสงครามการค้าโลกรอบใหม่

ประกอบกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดียในปัจจุบันถือว่ากำลังชื่นมื่น เพราะอินเดียทำให้สหรัฐฯ พอใจด้วยการเตรียมซื้อเครื่องบินรบ ต่อเนื่องจากการที่ให้สหรัฐฯ เป็นแหล่งซื้อยุทธภัณฑ์รายใหญ่

และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งลดภาษีดิจิทัลให้สหรัฐฯ 6% ไม่เก็บภาษีกับเหล้านำเข้ามาจากสหรัฐ พร้อมลดภาษีรถหรูและโซลาร์เซลล์อีกด้วย นอกจากนี้ ที่สำคัญกำลังจะบรรลุข้อตกลงเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่ออินเดียอีกด้วย   

ส่วนท่าทีที่อินเดียมีต่อมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ก็ไม่รุนแรงเหมือนประเทศอื่นๆ ในเอเชียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะจีนแถลงการณ์ว่าจะตอบโต้ และตามด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าต่อสินค้าสหรัฐฯ 34% เป็นที่เรียบร้อย

ถ้าอินเดียแทรกขึ้นมาเป็นยักษ์ส่งออกแทนประเทศอื่น ๆ ในเอเชียได้ จะทำให้อินเดียมีเงินจากสหรัฐฯ ไหลเข้าประเทศอีกมหาศาล เพิ่มจากเม็ดเงินจากเวชภัณฑ์อินเดียที่สหรัฐฯ งดเว้นภาษีนำเข้าให้ และยาสามัญที่อินเดียแทบจะครองตลาดสหรัฐฯ ด้วยสัดส่วนสูงถึง 90%

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่า เรื่องนี้จะเป็นจริงได้แค่ไหน เพราะอินเดียครองสัดส่วนน้อยมากในตลาดส่งออกโลก และสหรัฐฯ ก็ยังไม่พอใจที่อินเดียไม่จัดการปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา

นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎหมายปกป้องทางการค้าก็อ่อนมาก จนอินเดียอยู่ในรายชื่อประเทศที่ต้องเฝ้าระวังปัญหาทรัพย์สินทางปัญญามากเป็นพิเศษ

ทั้งหมดทำให้ต้องจับตาดูว่า นายกรัฐมนตรี นาเรนทรา โมดี จะจริงจังแค่ไหนเพื่อพาให้อินเดียขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของเอเชียได้เสียที และช่วงนี้คือโอกาสทองที่สุดแล้ว/bbc


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer