Trends / อีกประเด็นใหญ่ที่กำลังถูกจับตาในสงครามการค้าโลก 2025 คือความเคลื่อนไหวจากบรรดาแบรนด์ใหญ่ ๆ ของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อลด-เลี่ยง ผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้
ยักษ์เทคที่ สตีฟ จอบส์ ทั้งปลุกปั้นและชุบชีวิต เป็นอีกแบรนด์ที่เดินหน้าแผนรับมือไปแล้ว ด้วยการดันพี่ใหญ่เอเชียใต้ให้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมากู้สถานการณ์ ในช่วงที่โรงงานโลกในจีน คือเป้าหลักในการโจมตีของสหรัฐฯ ทำให้สินค้า Made in China ราคาแพงแบบพุ่งพรวด
ความน่าสนใจของเรื่องนี้ไม่ได้มาจากจำนวนและน้ำหนักนำเข้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำแบบเงียบ ๆ และย้ำว่าต่อไปประเทศที่ประชากรมากสุดในโลกอาจกลายเป็นมิตรใหม่ในเอเชียของสหรัฐฯ และอาจทวีความสำคัญต่อชัปพลายเชนโลก

Apple ทยอยนำเข้า iPhone รุ่นต่าง ๆ ที่ผลิตจากโรงงานในอินเดียเข้ามาในสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงมีนาคม โดยมีรายงานว่ามีจำนวนมากถึง 1.5 ล้านเครื่อง และคิดเป็นน้ำหนักรวมมากถึง 600 ตัน
เหตุผลที่ Apple นำเข้า iPhone ล็อตใหญ่จากอินเดียในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะอินเดียเป็นฐานการผลิตสำคัญอีกแห่งในเอเชีย นอกเหนือไปจากจีน และ ณ เวลานั้น สหรัฐฯ ยังเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากอินเดียเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมากหากเทียบกับจีน และประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ถือเป็นการนำ iPhone มาตุนไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อขายในสหรัฐฯ เพราะต่อมาในเดือนเมษายน สหรัฐฯ ก็ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าครั้งใหญ่กับประเทศคู่ค้าทั่วโลก โดยจีนเจอหนักสุดและต่อเนื่อง จน ณ 11 เมษายน เพิ่มเป็น 145% แล้ว
ส่วนอินเดีย แม้ประกาศจะขึ้นภาษีเช่นกัน แต่ก็อยู่ที่เพียง 26% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมาก และยังได้ระงับไว้ 90 วัน เพื่อเปิดช่องให้เจรจาอีกด้วย
สื่อเศรษฐกิจในสหรัฐฯ รายงานว่า แม้นี่เป็นแผนรับมือเฉพาะหน้าเพื่อเลี่ยงผลกระทบสงครามการค้า ซึ่งคู่ขัดแย้งหลักคือสหรัฐฯ กับจีน แต่ประเทศมหาอำนาจคู่นี้เจรจากันไม่ได้ และวิกฤตยังดำเนินต่อไป ตลอดปี 2025 iPhone ราว 50% ที่ขายในสหรัฐฯ และด้วยราคาที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯ พอรับไหว อาจนำเข้ามาจากอินเดีย
เพราะด้วยกำแพงภาษีนำเข้าสูงมากของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีน ราคา iPhone รุ่น 16 Pro Max ที่ Made in China จะเพิ่มเป็นเครื่องละเกือบ 2,000 ดอลลาร์ (ราวเกือบ 67,000 บาท) จากเดิมที่อยู่ที่เครื่องละ 1,200 ดอลลาร์ (ราว 40,300 บาท)
ส่วน iPhone ที่ผลิตในสหรัฐฯ เองราคาอาจจะแพงไปถึงเครื่องละ 3,500 ดอลลาร์ (ราว 117,000 บาท) เพราะค่าแรงและค่าครองชีพสูงกว่าฐานการผลิตในจีนและอินเดีย รวมถึงโรงงานผลิต iPhone แห่งอื่น ๆ ในเอเชีย
สำหรับอินเดียมีโรงงานผลิต iPhone อยู่ 3 แห่ง โดยเมื่อปี 2024 ยอดผลิตอยู่ที่ 20 ล้านเครื่อง ซึ่ง iPhone ที่ผลิตได้มีรุ่น 15 และ 16 รวมอยู่ด้วย

ท่ามกลางรายงานว่า Apple จะสั่งเพิ่มกำลังการผลิต iPhone ในโรงงานอินเดียอีก 20% โดยคาดกันว่าหากสงครามการค้ายังไม่ลดความร้อนแรง อาจมีการเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานอื่น ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วโลกด้วย
สำหรับอินเดีย ในปัจจุบันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ และยังมีแนวโน้มจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพราะเพิ่งเตรียมจะซื้อเครื่องบินรบสหรัฐฯ ต่อเนื่องจากการลดภาษีและไม่เก็บภาษีกับสินค้านำเข้าสหรัฐฯ
นอกจากนี้ กำลังจะบรรลุข้อตกลงเพื่อลดตัวเลขขาดดุลการค้าให้สหรัฐฯ อีกด้วย
ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ถ้ารัฐบาลจริงจังกับการพัฒนาภาคการผลิตในประเทศ และการเจรจากับสหรัฐฯ อินเดียที่เจอภาษีนำเข้าสหรัฐฯ น้อย อาจขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยี เครื่องจักร ชิป ของเล่น และสิ่งทอ เพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ และสู่ตลาดโลก แทนจีน รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อย่างไต้หวัน ไทย และบังกลาเทศ เพราะล้วนเป็นประเทศที่เจอสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงกว่านั่นเอง/theguardian, cnn
–
