6Trends / เป็นที่รู้กันในหมู่คอเพลงยุค 90 ว่า เป็นยุคของเพลงกรันจ์และอัลเทอร์เนทีฟ ทำให้ดนตรีแนวอื่น ๆ รวมถึง ฮาร์ดร็อค และแฮร์แบนด์ จากช่วงคาบเกี่ยวระหว่างปลายยุค 80 และต้นยุค 90 เสื่อมความนิยมลงไป แต่ Gun N’ Roses กลับเป็นข้อยกเว้น

เพราะแม้เริ่มเสื่อมความนิยมตามกระแสดนตรี และสมาชิกวงเริ่มแตกคอจนถึงขั้นแยกวงไป แต่ด้วยผลงานและภาพจำมากมายทำให้จากนั้น Gun N’ Roses ที่มี เอ็กเซล โรส นักร้องนำเป็นหัวเรือหลักและสมาชิกยุครุ่งเรืองตั้งเพียงคนเดียว ก็ยังคงอยู่มาได้

อย่างไรก็ตาม แฟน ๆ วง “กุหลาบปลายปืน” ก็ยังหวังว่า สมาชิกยุครุ่งเรืองโดยเฉพาะ สแลช มือกีตาร์ที่มาพร้อมหมวกดำทรงสูง กลับมาคืนดีและขึ้นเวทีเดียวกันอีกครั้ง แต่ข้ามมาปี 2016 ความหวังดังกล่าวก็เป็นจริง โดย เอ็กเซล โรส กับ สแลช พ่วงด้วย ดัฟ แม็คคีแกน 3 จาก 5 สมาชิกยุครุ่งเรืองได้ขึ้นเวทีเดียวกัน ประเดิมด้วยโชว์ที่ The Troubadour ผับดังของชาวร็อกในแถบเวสต์ ฮอลลีวูด สหรัฐฯ ที่จุคนได้เพียง 500 คน เมื่อ 1 เมษายน ปี 2016

จากนั้น Gun N’ Roses ก็คืนชีพบนเวทีคอนเสิร์ต และจัดทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกมาแล้ว 4 รอบ ซึ่งแต่ละรอบก็โกยเงินมหาศาล จนกล่าวได้ว่าวงเบอร์ต้น ๆ ที่กลับมารวมตัว (Reunion) แล้วทำเงินจากการทัวร์คอนเสิร์ตได้มหาศาล

แม้มีข่าวหลุดออกมาเป็นระยะ ๆ ว่า เมื่อลงเวทีสมาชิกหลักทั้ง 3 ไม่ได้สนิทเหมือนก่อน และเป็นการกินบุญเก่าจากยุครุ่งเรือง แถมผู้ที่ได้ส่วนแบ่งราวครึ่งหนึ่งของยอดขายตั๋วคือ เอ็กเซล โรส ก็ตาม

Not in This Lifetime… Tour

หลังโชว์ที่ The Troubadour กระแสตอบรับดี เอ็กเซล โรส, สแลช และ ดัฟ แม็คคีแกน ก็รู้ได้เลยว่า ถ้ารวมตัวกันเราจะกลับมารุ่ง โดยทั้ง 3 กลับมารวมตัวบนเวทีกันอย่างจริงจัง นำมาสู่ทัวร์คอนเสิร์ตในชื่อ Not in This Lifetime ที่เริ่มด้วยโชว์แถบอเมริกาเหนือ โดยมีโชว์ที่งาน Coachella  2016 ย้ำความมั่นใจในการกลับมารวมตัว

จากนั้น Not in This Lifetime ก็กลายเป็นทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกที่กินเวลายาวถึง 3 ปี โดยเล่นไปทั้งสิ้น 151 โชว์ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคอนเสิร์ตในไทยเมื่อปี 2017 รวมอยู่ด้วย และไปจบโชว์ที่ลาส เวกัส พฤศจิกายนปี 2019 ด้วยการทำเงินรวมตลอดทัวร์คอนเสิร์ต 559 ล้านดอลลาร์ (ราว 18,564 ล้านบาท) ถือเป็นคอนเสิร์ตแบบรียูเนียนที่ทำเงินสูงสุดมาถึงปัจจุบัน

 

We’re F’N’ Back! Tour

หลังเห็นแล้วว่าการกลับมาคืนดีนั้นทำเงินได้มหาศาล 3 แกนนำ Gun N’ Roses ยุครุ่งเรืองก็กลับมารวมตัวกันเพื่อจัดทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้งภายใต้ชื่อ We’re F’N’ Back! Tour ประเดิมด้วยโชว์ที่สนามเฮอร์ชี่พาร์ค เมืองเฮอร์ชี่ ในสหรัฐฯ เมื่อ 31 กรกฎาคม 2021

แม้ยังไม่พ้นสถานการณ์โควิดแต่ Gun N’ Roses ก็ยังได้รับการตอบรับอบอุ่นจากชาวร็อก โดยเล่นไปทั้งสิ้น 72 โชว์ ทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ และเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งในโชว์ที่ไทยเมื่อพฤศจิกายน 2022 รวมอยู่ด้วย

We’re F’N’ Back! Tour รูดม่านปิดฉากลงที่โชว์สุดท้ายในเมืองโอ๊กแลนด์ ของนิวซีแลนด์ 10 ธันวาคม 2022 โดยตลอดทัวร์ทำเงินได้ทั้งสิ้น 140.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,477 ล้านบาท)

 

2023 Tour

พักได้ 6 เดือน 3 แกนนำ Gun N’ Roses ยุครุ่งเรืองก็กลับมารวมตัวจัดทัวร์คอนเสิร์ตอีกในชื่อ 2023 Tour แต่คราวนี้ข้ามมาประเดิมที่เอเชียก่อน ด้วยโชว์ที่ นคร อาบูดาบี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อ 1 มิถุนายน ปีนั้น

จากนั้นก็เดินหน้าทัวร์ต่อในยุโรป แล้วกลับมาสหรัฐฯ และไปลงด้วยโชว์ที่เม็กซิโก 5 พฤศจิกายนปีเดียวกัน พร้อมจำนวนโชว์รวม 39 โชว์ และทำเงินไป 106 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,516 ล้านบาท) แต่น่าเสียดายว่าไม่มีไทยอยู่ในตารางทัวร์

 

Because What You Want & What You Get Are Two Completely Different Things Tour

หากเป็นวงที่ผลงานออกมาในยุค 90 ขณะที่ยังเป็นวัยรุ่น พอข้ามมาปี 2025 อายุก็คงเข้าวัยเกษียณแล้ว โดยสำหรับ สแลช ดัฟ แม็คคีแกน และ เอ็กเซล โรส, แม้อายุอยู่ที่ 59, 61 และ 63 ปีแล้วตามลำดับ แต่พวกเขาก็มีไฟและขึ้นเวทีคอนเสิร์ตได้อยู่

ดังนั้น 3 แกนนำ Gun N’ Roses ยุครุ่งเรือง จึงจัดทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกรอบใหม่ในปี 2025 ภายใต้ชื่อยาวเหยียดกว่า 3 ครั้งก่อนหน้าว่า Because What You Want & What You Get Are Two Completely Different Things Tour ประเดิมด้วยโชว์ที่ เมืองอินชอน ของเกาหลีใต้ ไปเมื่อ 1 พฤษภาคม

และวันนี้ (13 พฤษภาคม 2568) มีคิวขึ้นโชว์ที่ไทยเป็นครั้งที่ 3 จากนั้นจะไปอินเดีย แล้วทัวร์ต่อเนื่องจนไปจบ ณ โชว์ที่ 30 ในเมืองเวคเค่น ในเยอรมนี 31 กรกฎาคมนี้/ouringdata, wikipedia, billboard, loudersound


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer