แม้เทคโนโลยีจะก้าวล้ำเพียงใด สังคมจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมาทุกยุคทุกสมัย คือ “การทำเกษตรกรรม” และ “ข้าวหอมมะลิ” คือพืชเศรษฐกิจที่สร้างชื่อเสียงและรายได้หลักให้กับประเทศ แต่คุณภาพที่ดีของข้าวหอมมะลิ ต้องเริ่มต้นจากเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธิ์ กอปรกับชาวนาส่วนใหญ่ขาดแนวทางการทำนาที่คุ้มทุน จึงประสบปัญหาต้นทุนสูง ได้ผลผลิตต่ำ
นั่นเป็นสาเหตุให้ บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ “ข้าวหงษ์ทอง” หนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมค้าข้าวระดับโลก ดำเนินโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ ภายใต้ชื่อ “โครงการนาหยอด” ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา เพื่อ รักษาพันธุ์ข้าวหอมมะลิและช่วยเหลือเกษตรกรในการลดต้นทุนการทำนา หาวิธีการเพื่อตอบโจทย์ด้วยการทดลองการทำนาหลากหลายวิธี จนในที่สุด พบว่า “การทำนาหยอดแบบแห้ง” เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดกับพื้นที่ภาคอีสานที่ปลูกข้าวหอมมะลิ ใช้เมล็ดพันธุ์น้อยเพียง 10 กิโลกรัมต่อไร่ จากอดีตเกษตรกรจะทำนาหว่าน ใช้เมล็ดพันธุ์ 25-35 กิโลกรัมต่อไร่ และเสียค่ายา ค่าปุ๋ยมาก ทำให้ต้นทุนการปลูกข้าวสูง
โครงการต้นแบบของเกษตรกรยุคใหม่
การปลูกข้าวนาหยอด ช่วยให้เมล็ดพันธุ์มีอัตราการงอกที่ดี ข้าวที่ฝังในดินไม่ถูกทำลายด้วยสัตว์และแมลง เมื่อฝนตกจะมีอัตราการงอกสูง ซึ่งใช้หลักการเดียวกับนาดำ ผลผลิตที่ได้จะขึ้นเรียงกันเป็นแถวเป็นแนว สามารถบริหารจัดการวัชพืชได้ง่าย สามารถมองเห็นต้นข้าวและคำนวณการ ให้ปุ๋ยได้อย่างชัดเจน ต้นข้าวแตกกอได้ดีเพราะไม่แน่นจนเกินไป ปริมาณข้าวออกรวงสูงและเมล็ดสวยงาม
จากผลข้างต้น โครงการหงษ์ทองนาหยอด จึงจับมือกับองค์การบริหารส่วนตำบล เข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการทำนาหยอดให้กับเกษตรกร ซึ่งการดำเนินโครงการไปได้ด้วยดี จนทำให้โครงการประชารัฐของทางรัฐบาลเล็งเห็นว่า เป็นโมเดลที่สามารถตอบโจทย์ทุกปัญหาของชาวนาได้อย่างชัดเจน ทำให้โครงการหงษ์ทองนาหยอดได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนาแปลงใหญ่ประชารัฐเกษตรกรสมัยใหม่ที่เกษตรกรสามารถพึ่งตนเองได้อย่างแท้จริง
ปัจจุบัน โครงการนาหยอด มีแปลงนาที่อยู่ในโครงการจำนวน 10,000 ไร่ ที่จังหวัดอุบลราชธานีและอำนาจเจริญ โดยมีหน่วยงานราชการร่วมให้ความรู้ในการดูแลแปลงนาเมล็ดพันธุ์ ปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นทุกปี และบริษัทฯ ส่งตัวอย่างเมล็ดพันธุ์เพื่อตรวจวิเคราะห์คุณภาพที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุบลราชธานี กรมการข้าว ซึ่งผลการตรวจอัตราเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์สูงสุดที่ทำได้คือ 99.7 และเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์นี้ชาวนาได้นำไปใช้เพาะปลูกในโครงการหงษ์ทองนาหยอดต่อไป

จากความห่วงใย สู่การประกาศเกียรติคุณปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
จากการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอาชีพเกษตรกร และการส่งเสริมให้ความสำคัญแก่เกษตรกร รวมถึงการอุทิศตนเพื่อพัฒนาองค์กรต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจ ภาคเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร และภาคการศึกษา ด้วยผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ทำให้ นายวัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทบางซื่อโรสีไฟเจียเม้ง จำกัด ได้รับคำประกาศเกียรติคุณปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ ประจำปีการศึกษา 2558 จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ข้าวหงษ์ทอง ผู้สร้างชื่อเสียงข้าวหอมมะลิไทย ดังไกลถึงทั่วโลก
ย้อนกลับไปเมื่อ 80 ปีก่อน ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้บริหาร ส่งผลให้กิจการของบริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีการพัฒนารูปแบบธุรกิจโรงสีข้าวมาเป็นธุรกิจส่งออกข้าวจำหน่ายยังต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ที่มีชื่อว่า “Golden Phoenix ” ภาษาจีนเรียกว่า “ กิมหงษ์” หรือที่รู้จักกันดีในนาม “หงษ์ทอง”
ปัจจุบันจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นทั้งหมด 3 บริษัท คือ
- บริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวหงษ์ทองไปยังต่างประเทศ
- บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด จัดจำหน่ายข้าวหงส์ทองภายในประเทศ
- บริษัท บีเอสซีเอ็ม ฟู้ดส์ จำกัด ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่ต่อยอดจากวัตถุดิบข้าว อาทิ ข้าวพร้อมรับประทาน เครื่องดื่มจากข้าว
ข้าวหงษ์ทอง ร่วมสร้างเกียรติประวัติให้กับประเทศไทย ด้วยการเดินหน้าทำการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพวางจำหน่ายในห้างค้าปลีกระดับโลกใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และส่งออกข้าวไปจำหน่ายยังลูกค้ากว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา แอฟริกา และออสเตรเลีย และได้รับการขนานนามว่า เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ระดับโลก พร้อมทั้งพิสูจน์ศักยภาพ ด้วยการคว้ารางวัลในระดับสากลมากมาย
- Prime Minister Award
- รางวัลผู้ประกอบการข้าวหอมมะลิบรรจุถุงที่ได้มาตรฐาน
- รางวัลจรรยาบรรณ จากหอการค้าไทย
- Trusted Brand Asia Award 2016
- 2016 Golden Phoenix brand has been voted by consumers in Hong Kong as Gold Trusted Brand (Gold Award)
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline

